
เปิดวิชั่น CEO คนใหม่กับภารกิจฟื้นเชื่อมั่น "OR"
นับเป็นครั้งแรกในการแสดงวิสัยทัศน์ของ "หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่" กับบทบาทหน้าที่ใหม่ในตำแหน่ง "ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จํากัด (มหาชน) หรือ OR" ตลอดระยะเวลา 40 ปีในการทำงาน กลุ่ม ปตท. ต่างยกให้ "หม่อมหลวงปีกทอง" เป็นมือหนึ่งในการแก้ปัญหาทุกเรื่อง และครั้งนี้ก็เช่นกันกับภารกิจสำคัญ "กอบกู้โออาร์"
"เหตุผลที่ผมสมัครตําแหน่ง CEO ของ OR คือ ทําไมไม่มีใครมั่นใจใน OR เลย ผมคือคน ปตท. คนหนึ่ง ตอนไอพีโอหุ้น OR ราคามากกว่า 30 บาท แต่ทําไมเรายิ่งพัฒนาตัวเองแต่หุ้นยิ่งตก นั่นคือสิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่า เรามาช่วยกันทําให้คนภายนอก นักลงทุนต่างๆมีความมั่นใจใน OR มากขึ้น มีความมั่นใจในในความสามารถของคนใน กลุ่ม ปตท. ผมมีหน้าที่ทําให้ทุกคนในองค์กรมีเป้าหมายร่วมกัน คิดร่วมกัน ทํางานร่วมกัน เพื่อคนข้างนอกจะได้มองว่าบริษัทนี้มีคนเก่ง มีคนดี เพื่อจะมีความเข้าใจ ไว้วางใจเรามากขึ้น อันนี้คือสาเหตุเดียวที่สมัคร ยอมรับว่าค่อนข้างท้าทายถ้าจะกลับไปเหมือนเดิม คงต้องทำงานหนักขึ้นไปอีก"
กว่าจะเป็น CEO โออาร์ ตลอดระยะเวลา 40 ปี "หม่อมหลวงปีกทอง" คือคนของ "ปตท." โดยเริ่มชีวิตการทํางานจากการเป็นวิศวกรประจําแท่นเจาะน้ำมัน แท่นเจาะแก๊สอยู่กลางทะเล จากนั้นย้ายไปเจาะน้ำมันที่ภาคอีสาน แล้ววนมาอยู่ "ปิโตรเคมี" ดูแลการสร้างโรงงาน อยู่หลายตําแหน่ง ทั้ง สายวางแผน สายงานขาย เป็น CFO และ ผู้อำนวยการโครงการก่อสร้าง สิ่งเดียวที่ยังไม่เคยทำ คือ ดูแลด้านงานฝ่ายบุคคล ต่อมาจึงย้ายเข้ามา ปตท. อยู่สายงานปิโตรเคมี แล้วขึ้นเป็นผู้ช่วยด้านนโยบายเศรษฐกิจ
ต่อมาดำรงตำแหน่ง "กรรมการผู้จัดการ" แทงก์เทอร์มินอล ดูแลด้านโลจิสติกส์ของประเทศของกลุ่ม ปตท. , ดูแลโครงการแหลมฉบัง, คอนเทนเนอร์เทอร์มินอล, ประมูลมาบตาพุด เฟส 3 , ทะเลจีนเทอร์มินอล จากนั้นก็ย้ายเข้ามา ปตท. ดูแก๊สธรรมชาติ ผ่านทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้ง Shortfall Single Pool และนี่คือชาเลนจ์ใหม่มาดูแลงานด้านน้ำมันให้กับ OR
"หม่อมหลวงปีกทอง" เล่าว่า วิสัยทัศน์ของบริษัทยังเหมือนเดิมคือ "Empowering All toward Inclusive Growth" หรือ "เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน" ด้วย โออาร์ คือ โอกาส หนึ่งในบริษัทไทยที่เติบโตร่วมกับคนไทย ผ่าน 3 เสาหลัก เรื่องแรกคือ "Seamless Mobility"
การเป็น Mobility Partner เสริมความเป็นผู้นำในธุรกิจน้ำมันผ่านการขยายเครือข่ายสถานีบริการและเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการพัฒนาสู่พลังงานทางเลือก เช่น สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ และการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ ผ่านกลยุทธ์ Thailand Mobility Partner ในการเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจน้ำมัน (Fossil Based) สู่ธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน (New Energy-Based)
ต่อมาคือ "All Lifestyles" มุ่งเสริมความแข็งแกร่งของ Café Amazon ตลอด Value Chain พร้อมแสวงหาโอกาสการลงทุนร่วมกับพันธมิตรในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงเริ่มศึกษาธุรกิจ Health & Wellness ที่มีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์กระจายพอร์ทการลงทุน (Diversify Portfolio)
สุดท้ายคือ "Global Market" ที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพสูง โดยมีแผนลงทุนเพื่อสร้างความเข้มแข็งในโครงสร้างพื้นฐานในต่างประเทศ
"ถึงเวลาที่เราจะต้องเติบโตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยตัวเชื่อม คือ Digitalization บริษัทนี้จะต้องขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ข้อมูลเป็นสิ่งที่มาปรับกระบวนการทํางาน ดูเพื่อจะทําให้ระบบต่างๆมันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น"
5 เป้าหมายใหญ่
สําหรับ "พนักงาน" เราอยากให้ OR เป็น Happy Work Place เป็นโอกาสที่จะมีความสุขเวลาทุกคนมองเข้ามาใน OR ทุกคนมองว่าเป็นกลุ่มบริษัทที่อยากเข้ามามีส่วนร่วม อยากเข้ามาทํางานด้วย
ส่วน "ผม" มีหน้าที่ที่จะสื่อสารทุกไตรมาสและไปพบพนักงานทุกภูมิภาค ขณะเดียวกัน OR จะแฮปปี้เวิร์คเพลส ไม่เฉพาะเทคโนโลยีสําหรับคู่ค้า และดีลเลอร์ ผมมีหน้าที่สื่อสาร พูดคุยกับดีลเลอร์เพื่อไปสื่อในสิ่งที่เราจะทํา เพื่อไปรับฟังในสิ่งที่เขาคิด เพราะดีลเลอร์กับโออาร์เสมือนพี่น้อง เป็นครอบครัวเดียวกัน มีหน้าที่ที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยกัน
ในพาร์ท "องค์กร" โออาร์มีความเป็นรัฐวิสาหกิจ มีมากกว่าความเป็น Office มีอีกหน้าที่ที่สําคัญ ก็คือ "เรามีหน้าที่ดูแลความมั่นคงด้านพลังงาน" เพื่อให้มีน้ำมันพอเพียงที่จะใช้ภายในประเทศ ในราคาที่เป็นธรรม จับต้องได้ เข้าถึงได้ทุกกลุ่มลูกค้า ไม่ใช่เฉพาะลูกค้าพรีเมี่ยม แต่เพื่อลูกค้าทุกกลุ่ม คนไทยทุกคน
ด้าน "ผู้ถือหุ้น" ในเรื่องของ Lifestyles ทุกคนมองว่าธุรกิจน้ำมันแย่แน่นอน อัตราส่วนกำไรขั้นต้น(Gross Profit Margin)ไม่เยอะ โออาร์โดนกฎเกณฑ์กำกับ ทุกคนจึงมองว่าธุรกิจ Lifestyles ที่มากกว่า Oil เพราะมองว่ามาร์จิ้นสูงมาก 25-30% แต่ในยุคนี้ ผมคิดว่าทั้งสองธุรกิจต้องพึ่งพากันและกัน ธุรกิจ Non-Oil จะต้องเป็นแม่เหล็กที่จะเป็น traffic เข้ามาในสถานีบริการเพื่อเพิ่ม market share ได้
ที่สําคัญไม่น้อยกว่า ก็คือ "ความยั่งยืน" ที่ผ่านมาผมผ่านมาหลายบริษัทของกลุ่ม ปตท. เป็นบอร์ด GPSC ซึ่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ประมาณ 14 ล้านตันต่อปี ธุรกิจแก๊ส โรงแยกแก๊สในอ่าวไทยปล่อย CO2 กว่า 10 ล้านตัน ซึ่งโออาร์เป็น mission ที่หมูสุด ปล่อย 30,000 ตันต่อปี แต่จะทําอย่างไรให้มันไม่ยาก ถ้าคิดว่าปลูกป่าได้อันนี้ก็ถือว่าไม่ยาก แต่ผมอยากให้ตัวเลข 30,000 ตันทุกคนในประเทศไทยมีส่วนร่วมในการที่จะลดการปล่อย CO2 ของโออาร์และช่วยลดการปลดปล่อย CO2 ของตัวเอง ทำได้ง่ายไม่ยาก
อย่างไรก็ดี โออาร์พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Oil Hub แห่งภูมิภาค ด้วยการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจร ทั้งการเชื่อมโยงเครือข่ายด้านน้ำมันระหว่างประเทศ และการสร้าง New Magnet เพื่อยกระดับระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแกร่ง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การเติมเต็มโอกาส เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน
โออาร์เป็นบริษัทในกลุ่ม ปตท. วัฒนธรรมองค์กรจึงเหมือน ปตท. คือ ซินเนอร์จี้, เพอร์ฟอร์แมนซ์, เอ็กซ์เซลเล้นท์, อินโนเวชั่น ที่สําคัญคือ TRUST เราเชื่อมั่นกันเองในกลุ่ม ปตท. และเราจะต้องสร้าง TRUST กับกลุ่มคนรอบข้าง, ลูกค้า, คู่ค้า, ผู้ถือหุ้น, รัฐบาล และชุมชนข้างเคียง ถ้าทุกคน TRUST เราจะเติบโตได้"
"OR" ไฮซีซั่นดัน Q4/67 พลิกมีกำไร CEO เร่งเกมฟื้นเชื่อมั่น
"OR" เดินหน้า Mobility - Lifestyle ดันอิบิทดา ฟื้นเชื่อมั่นนักลงทุน