
"OR"ไฮซีซั่นดัน Q4/67 พลิกมีกำไร CEO เร่งเกมฟื้นเชื่อมั่น
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น "บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จํากัด (มหาชน) หรือ OR" ปิดการซื้อขายในช่วงเช้าวันนี้(3 ก.พ.2568) อยู่ที่ 11.20 บาท ลดลง 0.40 บาท คิดเป็น -3.45% มูลค่าการซื้อขาย 168.49 ล้านบาท ราคาขึ้นสูงสุด 11.40 บาท และลดลงต่ำสุด 10.70 บาท นับวันราคาหุ้น OR มีแต่ร่วงต่อเนื่อง และดูเหมือนจะกลับไปยืนเหนือราคาไอพีโอที่ 18 บาทนั้นช่างห่างไกล!
แม้ล่าสุด ซีอีโอคนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) ยืนยันก่อนหน้านี้ว่า สิ่งที่โออาร์โดนโจมตีในอดีตผ่านไป ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่จริง ฉะนั้นส่วนตัวคิดว่าถ้าทุกคนมั่นใจ รัก ปตท.และโออาร์ มั่นใจว่าโออาร์กับ ปตท. ในฐานะผู้ดูแลความมั่นคงของประเทศชาติจะมีประโยชน์ให้มาใช้บริการ โออาร์ชนะจีดีพีแน่นอน
"รายได้ปีนี้คาดเติบโต 2-3% สอดคล้องกับตัวเลขจีดีพีของประเทศ พร้อมตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน PTT Station แตะระดับ 38% หลังจากที่ผ่านมาแตะระดับ 35-36% โดยเน้นความแข็งแกร่งและข้อได้เปรียบของ Ecosystem ดึงลูกค้ากลับมา ขณะที่กำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) คาดเติบโต 10-15% หลังจากปีที่ผ่านมาได้บันทึกด้อยค่าธุรกิจที่ไม่โตตามแผนทั้งจำนวน และในปีนี้คาดว่าไม่มีการตั้งด้อยค่าอีก"
ไฮซีซั่นดัน Q4/67 พลิกเป็นกำไร
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า คาดผลประกอบการงวดไตรมาส 4/67 จะพลิกกลับเป็นกำไรสุทธิ 2.8 พันล้านบาท จากงวดไตรมาส 3/67 ที่เผชิญขาดทุนสุทธิ 1.6 พันล้านบาท โดยมีแรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่คาดฟื้นตัวในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มธุรกิจ Mobility ที่คาด EBITDA ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ราว 3 พันล้านบาท จากเพียง 305 ล้านบาท ในงวดก่อนหน้า ผลจากกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่คาดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 0.85 บาท/ลิตร จากเดิม 0.51 บาท/ลิตร ตามผลของขาดทุนสต็อกน้ำมันที่ลดลงจากไตรมาสก่อน
รวมถึงปริมาณขายน้ำมันโดยรวมที่คาดจะปรับตัวขึ้นราว 9% มาอยู่ที่ 9 พันล้านลิตร ตามการเข้าสู่ช่วง High season ของฤดูกาลท่องเที่ยวในช่วงปลายปี และการขยายสถานีบริการที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ EBITDA margin ในธุรกิจ Mobility คาดอยู่ที่ 1.7% จากเพียง 0.2% ในงวดไตรมาส 3/67
อีกทั้งธุรกิจ lifestyle คาด EBITDA เพิ่มขึ้น 38.1% จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท หนุนหลักจากธุรกิจ Cafe amazon ที่คาดปริมาณขายเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน จากการจับจ่ายใช้สอยในภาคครัวเรือนที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายปี โดยรวมแล้วคาด EBITDA Margin ของธุรกิจ lifestyle จะอยู่ที่ 26% จากเดิม 20.2%
นอกจากนี้คาด EBITDA ปรับตัวเพิ่มขึ้น 26.9% มาอยู่ราว 495 ล้านบาท หนุนจากกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่คาดปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับอัตรากำขั้นต้นต่อลิตรในประเทศไทย ขณะที่ยอดขายน้ำมันโดยรวมคาดยังทรงตัวใกล้เคียงเดิม QoQ ประกอบกับธุรกิจ Cafe Amazon ในต่างประเทศที่คาดปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ ส่งผลให้ภาพรวมคาด EBITDA Margin ของกลุ่มธุรกิจ Global อยู่ที่ 3.5% จาก 3% ในงวดก่อนหน้า
ส่วนรายการ Fx และตราสารอนุพันธ์ สุทธิแล้วคาดมีการบันทึกกลับเป็นกำไร 600 ล้านบาท จากงวด 3Q67 ที่บันทึกขาดทุน 1.3 พันล้านบาท ตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นงวด 4Q67 นอกจากนี้ คาดจะมีการบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าอยู่ที่ 300 ล้านบาท เกิดจากการด้อยค่าในเงินลงทุน เทียบกับงวดก่อนหน้าที่มีการรับรู้ค่าใช้จ่ายพิเศษจากการยุติธุรกิจ Texas Chicken และ Kouen group สุทธิ (หลังภาษี) 552 ล้านบาท
โดยรวมแล้วคาดกำไรสุทธิปี 67 อยู่ที่ 7.5 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 32.3%yoy และอยู่ในระดับใกล้เคียงกับประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 2567 ที่ฝ่าย
วิจัยประเมินไว้
หั่นกำไรปี 68-69
ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ลง 12.7% จากเดิมมาอยู่ที่ 9.9 พันล้านบาท และปี 2569 ลดลง 10% อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท เพื่อสะท้อนการปรับปรุงสมมติฐานกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตร ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไปลงมาอยู่ที่ 0.95 บาทต่อลิตร เพื่อให้อยู่ภายใต้หลักความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น จากความผันผวนของราคาน้ำมัน รวมถึงปัจจัยกดดันของนโยบายภาครัฐฯที่ยังคงอยู่
ภายใต้ประมาณการใหม่ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 68 คาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 32.2%จากปีก่อนหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่สภาวะปกติจากค่าเฉลี่ยราว 0.85 บาทต่อลิตร ในปี 67 ตามผลกระทบของขาดทุนสต็อกน้ำมันที่เกิดขึ้นในปีนี้ ประกอบกับปริมาณขายปลีกน้ำมันคาดจะทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY ตามการใช้นโยบายส่งเสริมการขายเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้เพิ่มขึ้น หลังจากปี 67 ที่ได้รับผลกระทบจากประเด็นข่าวปลอมเกี่ยวกับมาตรวัตรน้ำมันในสถานีบริการ ปตท. ที่ไม่ตรงค่ามาตรฐาน
นอกจากนี้คาดยังมีแรงหนุนจากธุรกิจ lifestyle ที่คาดปริมาณขายโดยรวมจะยังเห็นการเติบโตต่อเนื่อง YoY ตามการขยายสาขา และแนวโน้มเศรษฐกิจที่ขยายตัว รวมถึงคาดจะไม่มีการรับรู้ค่าใช้จ่ายพิเศษจากด้อยค่าและการยุติกิจการ ดังที่เคยเกิดขึ้นในปี 2567
ในช่วงสั้น งวดไตรมาส 1/68 คาดกำไรยังทรงตัวได้ในระดับสูงใกล้เคียงเดิม โดยธุรกิจ Mobility คาดปริมาณขายน้ำมันโดยรวมจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย จากไตรมาสก่อนหน้า หลังจากผ่านพ้นช่วง High season มาแล้วในงวดไตรมาส 4/67 ขณะที่กำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรคาดยังทรงตัวได้ในระดับใกล้เคียงเดิมที่ราว 0.8-0.9 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ตามคาดได้รับแรงหนุนชดเชยได้จากธุรกิจ lifestyle ที่ยิดขายโดยรวมยังสามารถเติบโตได้จากไตรมาสก่อน จากการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการขยายสาขา Cafe Amazon อย่างต่อเนื่อง รวมถึงคาดไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษจากการด้อยค่าดังที่เคยเกิดขึ้นในงวดนี้
เปิดวิชั่น CEO คนใหม่กับภารกิจฟื้นเชื่อมั่น "OR"
"OR" เดินหน้า Mobility - Lifestyle ดันอิบิทดา ฟื้นเชื่อมั่นนักลงทุน