ตลท. เปิดเฮียริ่ง "ขายชอร์ตเซล - HFT เฉพาะ SET100" พร้อมใช้ Uptick หุ้นร่วงแรง
"ตลาดหุ้นไทย" เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและดึงดูดเม็ดเงินทุนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ด้วยความผันผวนทางเศรษฐกิจ สถานการณ์โลก และปัจจัยภายในประเทศล้วนส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน เพื่อให้ตลาดทุนไทยสามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างมั่นคง การดำเนินมาตรการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและสร้างเสถียรภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น
ดังนั้นแนวทางสำคัญในการกระตุ้นความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน ทั้ง การกำกับดูแลตลาดที่โปร่งใส การปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุน รวมถึงการส่งเสริมสภาพคล่องของตลาดหุ้นไทยเพื่อให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาวจึงถือเป็นเรื่องที่ต้องทบทวนอย่างต่อเนื่อง
นั่นจึงเป็นที่มาของการประชุม "คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ" ในวันนี้(19 กุมภาพันธ์ 2568) ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางปรับปรุงมาตรการเพื่อยกระดับความเชื่อมั่นที่ได้เริ่มใช้บังคับในช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา โดยได้พิจารณาแนวทางและมาตรการอย่างรอบด้านเพื่อให้เกิดความเหมาะสมของการใช้มาตรการตามสถานการณ์ มุ่งหวังที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นผู้ลงทุน และสร้างเสถียรภาพตลาดหุ้นไทย
ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง(เฮียริ่ง) ก่อนเสนอคณะกรรมการ ก.ล.ต.พิจารณาความเห็นชอบ โดยคาดว่าจะสามารถใช้บังคับได้ประมาณปลายไตรมาส 2/2568
การปรับปรุงมาตรการครั้งนี้ มีรายละเอียดสำคัญที่ต้องจับตา เรื่องแรก คือ "การกำกับดูแลการขายชอร์ต" โดยปรับปรุงคุณสมบัติของหลักทรัพย์ที่สามารถขายชอร์ตได้ ให้เป็นหลักทรัพย์เฉพาะในกลุ่ม SET100
จากเดิมที่กำหนดให้เป็นหลักทรัพย์ในกลุ่ม SET100 และ non-SET100 ที่มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูง (คือ มี Market Capitalization เฉลี่ย 3 เดือน ไม่น้อยกว่า 7,500 ล้านบาท และมี Monthly Turnover ในรอบ 12 เดือน ไม่น้อยกว่า 2% รวมทั้งมีการกระจาย Free Float ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุนชำระแล้ว)
พร้อมกำหนดให้ใช้เกณฑ์ Uptick เมื่อจำเป็น คือ กรณีปกติสามารถใช้เกณฑ์ Zero-Plus Tick สำหรับการขายชอร์ตได้ เว้นแต่เมื่อหลักทรัพย์ใดมีราคาลดลงถึงระดับที่กำหนด (เช่น ≥X% จากราคาปิดของวันก่อนหน้า) จึงจะต้องขายชอร์ตหลักทรัพย์นั้นด้วยเกณฑ์ Uptick ในวันทำการถัดไป
เรื่องต่อมา คือ "การกำกับดูแล HFT" กำหนดให้ผู้ลงทุนที่ขึ้นทะเบียนส่งคำสั่งซื้อขายแบบ High Frequency Trading (HFT) สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้เฉพาะหลักทรัพย์ในกลุ่ม SET100 ทั้งนี้ไม่รวม Market Maker และหลักทรัพย์บางประเภท
สุดท้าย คือ เรื่อง "การผ่อนคลายมาตรการที่ได้ประกาศใช้เมื่อปี 2567" โดยยกเลิกเกณฑ์กำหนดเวลาขั้นต่ำของคำสั่งซื้อขาย (order) ก่อนที่จะสามารถยกเลิกคำสั่ง (Minimum Resting Time) รวมถึงเลื่อนการบังคับใช้เกณฑ์การกำหนดกรอบราคาซื้อขายแบบ Dynamic Price Band เป็นรายหลักทรัพย์ Phase 2 ออกไป
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า มาตรการที่ปรับปรุงครั้งนี้เพื่อดึงความเชื่อมั่นกลับมาและสร้างเสถียรภาพตลาดหุ้นไทย การทบทวนมาตรการเราตั้งใจว่าจะรักษามาตรการนี้เพื่อยกระดับความเชื่อมั่นโดยจะไม่มีการปรับเปลี่ยนมาตรการอื่นๆเพิ่ม และจะคงมาตรการต่างๆไว้ พร้อมทบทวนอีกครั้งในปี 2569
"จากนี้สิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯจะทำเพื่อสร้างแวลูให้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ทั้งโครงการ จัมพ์ พลัส (JUMP+) และการสนับสนุนการซื้อหุ้นคืนยังคงดำเนินต่อไป ส่วนมาตรการที่เราเปิดเฮียริ่งเมื่อได้ข้อสรุปก็ดำเนินการตามนั้น ส่วนมาตรการใหม่ๆไม่มีเข้ามาเพิ่ม"
นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการและโฆษกตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวเช่นกันว่า การกำหนดใช้เกณฑ์ Uptick กรณีที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงถึงระดับที่กำหนดไว้นั้น ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบรายละเอียดชัดเจนได้ว่ากี่เปอร์เซ็นต์ถึงเข้าเกณฑ์ เพราะอยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องว่าคิดเห็นอย่างไร แต่จากการที่ศึกษาต่างประเทศถือว่ามีหลายระดับ อาทิ 10-15% เป็นต้น