
วิตกไวรัสสายพันธ์ใหม่! ฉุดหุ้นไทยปิดร่วง 10.36 จุด
ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายวันนี้(24 กุมภาพันธ์ 2568) อยู่ที่ 1,235.85 จุด ลดลง 10.36 จุด คิดเป็น -0.83% มูลค่าการซื้อขาย 42,206.62 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,242.50 จุด และลดลงต่ำสุด 1,227.42 จุด ถือเป็นจุดต่ำสุดใหม่ หลังจากดัชนีในเดือน พ.ย.2563 ทำจุดต่ำที่ระดับ 1,228 จุด
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศจากวิตกเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวหลัง PMI ภาคบริการหดตัวครั้งแรกในรอบกว่า 2ปี และมีจิตวิทยาลบจากข่าวจีนตรวจพบไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ใหม่
หุ้นที่ปรับตัวโดดเด่น คือ "WHA" ราคาร่วง -19.57% หลังผิดหวังงบไตรมาส 4/67 ทำกำไรจากการดำเนินงานได้เพียง 1.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 61%qoq แต่ลดลง 50%yoy และต่ำกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดถึง 21%
นอกจากนี้ตลาดยังกังวลแผน spin-off ธุรกิจนิคมฯ(WHAID)แม้ปัจจัยนี้จะส่งผลดีต่อ WHA ในระยะกลางถึงยาว แต่ระยะสั้นผลจากการ spin-off จะทำให้กำไร WHA ลดลง หรือ dilution effect จากสัดส่วนการถือหุ้นใน WHAID คาดว่าจะลดลงจาก 98.5% เหลือ 75.9% หลัง IPO คงคำแนะนำซื้อ เป้าหมาย 6.40 บาท
หุ้นท่องเที่ยวฯ AOT, CENTEL, SPA กอดคอร่วงมีจิตวิทยาลบจากข่าวคณะนักวิจัยจีนรายงานพบเชื้อไว้รัสโคโรนาใหม่ที่สามารถแพร่กระจายสู่มนุษย์คล้ายกับไวรัส SARS-Cov-2 ที่ก่อให้เกิด Covid-19
ฝ่ายวิเคราะห์มองเป็น Sentiment ลบช่วงสั้นเนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีรายงานการระบาดของไวรัสดังกล่าว
ขณะที่ หุ้นกลุ่มธนาคาร อาทิ KTB , BBL, KBANK ร่วงลงตามนักลงทุนขายทำกำไร หลังจากที่ราคาหุ้นปรับขึ้นรับข่าวจ่ายปันผลครึ่งปีหลังไปแล้ว
อีกทั้งนักลงทุนบางส่วนขายลดความเสี่ยงก่อนที่แบงก์ชาติจะมีประชุมในวันพุธนี้(26 ก.พ.68)เบื้องต้นฝ่ายวิจัยแบงก์กรุงศรีฯคาดว่าแบงก์ชาติจะลดดอกเบี้ย 0.25% จาก 2.25% เป็น 2% จิตวิทยาลบกดดันหุ้นกลุ่มธนาคาร
ส่วนหุ้น IVL ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังประกาศเข้าซื้อหุ้น 24.9% ของ EPL Limited ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์และตลาดหลักทรัพย์ประเทศอินเดีย นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมีมุมมอง slightly positiveกับดีลดังกล่าว
ด้วยเป็นบริษัทที่มีกำไรอยู่แล้วทำให้มีส่วนแบ่งกำไรเข้าหนุนงบปีนี้ทันทีราว 280 ล้านบาท มี upsideต่อคาดการณ์กำไรปีนี้ 2.5% อีกทั้งราคาเข้าซื้อไม่แพงคิดเป็น EV/EBITDA ราว 10 เท่าใกล้เคียงกับดีของตลาดที่ 10 เท่า และ Valuation ของ IVL ที่ 8-9 เท่า
ดีลนี้มองว่าเป็นการเปิดตลาดบรรจุภัณฑ์ในอินเดียที่มีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต โดยดีลนี้จะใช้กระแสเงินสดจากภายในไม่ต้องกู้หรือเพิ่มทุนให้ต้องกังวล จึงคงคำแนะนำ Trading Buy เป้า 24 บาท
สำหรับ กลุ่มไฟแนนซ์ ทั้ง MTC, THANI และ AMANAH ปรับตัวเพิ่มขึ้นรับนักลงทุนเข้าดักเก็งกำไร โดยมีความหวังว่าการประชุมของแบงก์ชาติในวันพุธนี้จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายส่งผลให้ต้นทุนเงินทุนของผู้ประกอบการในกลุ่มไฟแนนซ์ลดลง เพิ่มอัพไซด์ต่อคาดการณ์กำไรสุทธิในปีนี้และปีหน้า