
ส่องหุ้น "เจ้าสัวธนินท์" CPF-CPALL-CPAXT เปิดบวกก่อนร่วง!
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น "บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF" เปิดการซื้อขายในช่วงเช้าวันนี้(27 กุมภาพันธ์ 2568) ที่ระดับ 24.20 บาท ขึ้นไปราคาสูงสุดที่ 24.60 บาท ก่อนปิดที่ 24.20 บาท ลดลง 0.10 บาท คิดเป็น -0.41% มูลค่าการซื้อขาย 370.34 ล้านบาท ราคาขึ้นสูงสุด 24.60 บาท และลดลงต่ำสุด 24 บาทแม้ประกาศกำไรสุทธิปี 2567 แตะระดับ 1.96 หมื่นล้านบาท พลิกจากขาดทุนปี 2566
ราคาหุ้น "บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL" เปิดการซื้อขายช่วงเช้าสวยเช่นกันที่ราคา 56.25 บาท ก่อนร่วงลงมาปิดซื้อขายเช้านี้ที่ 53 บาท ลดลง 1.25 บาท คิดเป็น -2.30% มูลค่าการซื้อขาย 4,788.77 ล้านบาท หลังประกาศชัดปฎิเสธการเข้าร่วมซื้อกิจการร้านค้าในญี่ปุ่น
ขณะที่ราคาหุ้น "บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT" ปิดที่ระดับ 28.50 บาท ลดลง -0.25 บาท คิดเป็น -0.87% ราคาขึ้นไปสูงสุด 29.50 บาท และลดลงต่ำสุด 28.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 170.88 ล้านบาท
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า CPF รายงานผลประกอบการไตรมาส 4/67 กำไรปกติ 6.17 พันล้านบาท สูงเกินตลาด ฝ่ายวิจัยคาดส่วนต่างหลักมาจากยอดขายและมาร์จิ้นดีกว่าคาด หนุนกำไรพลิกจากไตรมาส 4/66 ขาดทุนปกติ 7.33 พันล้านบาท แต่ลดลง 5.7%จากไตรมาสก่อน ผลจากส่วนแบ่งกำไรลดลงเหตุ CPI เป็นหลัก และภาษีเพิ่มขึ้น
ทั้งปี 67 กำไรสุทธิ 1.96 หมื่นล้านบาท และกำไรปกติ 1.86 หมื่นล้านบาท พลิกจากปี 2566 ที่มีผลขาดทุนสุทธิและขาดทุนปกติ 5.2 พันล้านบาท และ 1.77 หมื่นล้านบาทตามลำดับ ขับเคลื่อนจากราคาเนื้อสัตว์ดีขึ้น และต้นทุนเลี้ยงลดลง ตลอดจนคุมต้นทุนค่าใช่จ่ายอย่างดี บวกต่อมาร์จิ้น นอกจากนี้ส่วนแบ่งกำไรบริษัททั้งไทย ไทย (CPALL / CPAXT),จีน (CTI) และแคนาดา (HYLIFE) มีการดำเนินงานดีขึ้นมาก
ทิศทางไตรมาส 1/68 กำไรปกติของ CPF คาดโดดเด่นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/67 ที่มีฐานกำไรปกติต่ำที่ 358 ล้านบาท ลุ้นการเติบโตในเชิงขับเคลื่อนจากการบริโภคสุกรและไก่ในประเทศดีขึ้น ส่วนหนึ่งจากเทศกาลตรุษจีน และช่วง Peak Season ของภาคท่องเที่ยว ตลอดจนการส่งออกไก่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนจากมูลค่าส่งออกไก่เดือน ม.ค.เพิ่มขึ้นในอัตรามากกว่า 10% ทั้งจากเดือนก่อนหน้าและปีก่อน
ขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์มีการขยับขึ้น ล่าสุดราคาสุกรในไทยพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 80 บาทต่อกิโลกรัม เทียบกับเฉลี่ย 71 บาทต่อกิโลกรัม และ 63 บาทต่อกิโลกรัมงวดไตรมาส 4/67 และ ไตรมาส 1/67ตามลำดับ และราคาไก่ อยู่ที่ 39 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้น 2.4%จากเฉลี่ยในไตรมาส 4/66
นอกจากนี้ต้นทุนอาหารสัตว์หลักอย่างข้าวโพด แม้ราคาเพิ่ม 7%จากไตรมาสก่อน เฉลี่ยล่าสุด 10.7 บาทต่อกิโลกรัม แต่หักล้างกับราคากากถั่วเหลืองนำเข้าที่ 17 บาท ลดลง 10% จากเฉลี่ยในไตรมาส 4/67 สำหรับฝั่งต่างประเทศ ราคาสุกรในเวียดนามคาดยืนสูงเกินไตรมาส 4/67 ที่ระดับ 6 หมื่นดองต่อกิโลกรัม ซึ่งในไตรมาส 1/67 เฉลี่ย 5.34 หมื่นดองต่อกิโลกรัม
สวนทางจีนลงมาในกรอบ 15.5-16 หยวนต่อกิโลกรัม ลดลง 8% จากไตรมาสก่อน แต่ยังเพิ่ม 4%จากปีก่อน ดังนั้นจากราคาเนื้อสัตว์ล่าสุดข้างต้น และการลดลงของต้นทุนวัตถุดิบ คาดเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อทิศทางมาร์จิ้น
คงแนะนำ Outperform มูลค่าพื้นฐานปี 2568 ที่ 30 บาท (อิง PBV 1 เท่า)จากกำไรปกติในไตรมาส 4/67ออกมาดีเกินคาด น่าจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อราคาหุ้น ขณะที่ภาพในช่วงครึ่งแรกของปี68ยังเป็นเชิงบวก และคาดเติบโตแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกปี67 ส่วนหนึ่งฐานต่ำในไตรมาส 1/67ขับเคลื่อนจากทิศทางราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะสุกรไทยและเวียดนาม จากอุปทานลดลงและโรคระบาด ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบยังมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องในปีนี้ บริษัทคาดลดลงเฉลี่ย 3-4% โดย CPF ประกาศปันผลในช่วงครึ่งหลังของปี67 หุ้นละ 0.55 บาท หรือ 2.3% ขึ้น XD วันที่ 8 พ.ค.68
ด้าน CPALL กำไรสุทธิรวมทั้งปี 2567 อยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 37%จากปีก่อน เพราะทั้งยอดขายและมาร์จิ้นสูงขึ้น โดย ณ สิ้นปีมีสาขาร้านสะดวกซื้อ(7-Eleven)ราว 1.5 หมื่นแห่ง เพิ่มขึ้น 700 แห่ง ซึ่งมีการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม(SSSG)ของปี 2567ที่ 3.8% ประกาศจ่ายปันผล 1.35บาทสำหรับการดำเนินงานปี 2567 ขึ้น XD 6 พ.ค.68
ฝ่ายวิจัยต้องปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ CPALL ขึ้นสะท้อนการดำเนินงานไตรมาส 4/67 ดีกว่าคาดทำให้กำไรปี 2568–2569 ของ CPALL เพิ่มจากเดิมเฉลี่ยราว 16% เป็น 2.99 หมื่นล้านบาท เติบโต 18%จากปีก่อน และ 3.33 หมื่นล้านบาท เติบโต 11%จากปีก่อน ภายใต้ประมาณการใหม่ แต่ปรับ PERลง จากเดิมที่อิง PER 31.5 เท่า,-0.5 SD เหลือ PER 26.2 เท่า, -1.0 S.D จากค่าเฉลี่ย 3ปีก่อน
สะท้อนการเติบโตของกำไร CPALL ที่ต่ำกว่าอดีต ทำให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ปรับลงจาก 91 บาท เหลือ 88 บาท ยังแนะนำ “Outperform” เพราะมีปัจจัยบวกจากกำไรงวดไตรมาส 4/67ออกมาโตดี ระยะถัดมาในไตรมาส 1/68 มีแรงหนุนจากมาตรการ Easy E-receipt และเงิน 10,000 บาท เฟส 2
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) แนะนำซื้อ CPALL ราคาเป้าหมาย 66.50 บาท บริษัทแจ้งตลาดฯอย่างเป็นทางการ หลังตลาดฯ ปิดตลาดทำการเมื่อวันที่ 26 ก.พ.68ว่าบริษัทไม่มีแผนเข้าร่วมลงทุน MBO ของ 7&I ส่งผลให้การคาดเดาสงสัยที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้คลี่คลายลง โดยบริษัทยืนยันที่จะจัดสรรเงินทุนอย่างมีวินัย ให้ความสำคัญกับผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น และการเติบโตของธุรกิจเป็นหลัก
ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าการชี้แจงของบริษัทเป็นปัจจัยบวกอย่างมากสำหรับผู้ถือหุ้น เนื่องจากช่วยคลายกังวลเกี่ยวกับเงินลงทุนที่สูง อาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัท แม้ว่าราคาหุ้นที่ฟื้นตัวจะสะท้อนราคาหุ้นแล้ว แต่ฝ่ายวิเคราะห์ยังมองเห็นโอกาสในการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมองว่าบริษัทจะมีกำไรแข็งแกร่งในปี 2568
บล.ทิสโก้ แนะนำซื้อ CPAXT มูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 39.50 บาท ฝ่ายวิเคราะห์เชื่อว่าการเติบโตของยอดขายในระดับ high single digit ขับเคลื่อนโดย SSSG การขยายสาขา และ OCS การขยายตัวของอัตรากำไรขั้นต้นจากการ synergyและการเติบโตแบบจากภายใน การลดลงของสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของกำไรปี 68
คงประมาณการผลประโยชน์จาก synergy ต่อกำไรที่ 5.2 พันล้านบาทสำหรับปี 68-69 คาดปีนี้ 2.5 พันล้านบาท และปีหน้า 2.7 พันล้านบาทผู้บริหารระบุว่าผลประโยชน์ควรจะเห็นชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี68 ผลประโยชน์จากการรวมสินค้าคงคลังที่จัดซื้อควรจะทยอยสะท้อนตั้งแต่ต้นปี68 อย่างไรก็ตาม ผลประโยชน์จากการรวมพนักงานจะยังไม่เห็นจนกว่าจะถึงปลายปี68