
ผ่าอนาคต “CI” ขยายไลน์ธุรกิจสุขภาพ-ความงาม เสริมทัพอสังหาริมทรัพย์
ในสภาวะปัจจุบันที่ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยเผชิญความท้าทายจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังฟื้นตัวช้า เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมซบเซา
ขณะที่ธุรกิจ Wellness เป็นเทรนด์ที่มาแรง และภาคธุรกิจต่างๆ สนใจกระโดดเข้ามาในธุรกิจนี้ จากปัจจัยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นกระแสการใส่ใจสุขภาพที่เพิ่มขึ้น การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และ Lifestyle ที่เปลี่ยนไป
ล่าสุด บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI เตรียมขยายสู่ธุรกิจสุขภาพและความงาม เพิ่มเติมจากธุรกิจในปัจจุบัน ได้แก่ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 2.ประกอบกิจการโรงแรม และ 3.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ อาทิ ให้เช่าหรือขายอาคารสำนักงานและศูนย์การค้า รวมไปถึงรับบริหารอาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร และบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์
“สงกรานต์ อิสสระ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาและกำลังซื้อผู้บริโภคลดลง
ดังนั้น ในปี 2568 บริษัทมีแผนเร่งยอดขาย เพิ่มสภาพคล่อง เตรียมออกหุ้นกู้ใหม่ และขายสินทรัพย์บางส่วน มูลค่า 170 ล้านบาท เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุน ในช่วงเดือน มี.ค.นี้
“สงกรานต์” ยังย้ำว่าหากให้นิยามตลาดอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้ต้องใช้คำว่าซบเซาเหมือนกับยุคฟองสบู่แตกปี 2540 จากปัญหาการเมือง รัฐบาลยังทำงานไม่ชัดเจน นอกจากแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต บวกกับปัญหาหนี้ครัวเรือน และธนาคารเข้มงวดให้สินเชื่อ
จากปัญหาดังกล่าวทำให้เกิดปัญหากับอสังหาริมทรัพย์ทุกระดับ แม้กระทั่งอสังหาริมทรัพย์ระดับราคา 10-50 ล้านบาทขึ้นไป เริ่มระบายสินค้าได้ช้าลง เพราะซัพพลายมากขึ้นปริมาณสินค้ามากกว่าความต้องการจนเริ่มล้นตลาด ส่งผลให้ผู้ประกอบการเริ่มระมัดระวังและชะลอเปิดโครงการใหม่
“มองว่านโยบายรัฐบาลที่ออกมาก่อนหน้านี้ อาทิ ลดค่าโอน ถือว่าเล็กน้อยมาก และจำเป็นต้องทำอะไรที่มากกว่านั้นและต้องทำไปพร้อมๆ กัน“
“ดิฐวัฒน์ อิสสระ” กรรมการและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI กล่าวว่า แผนธุรกิจในปี 2568 บริษัทยังคงมุ่งหน้าขยายสู่ Wellness ระดับ World Class สำหรับธุรกิจโรงแรม โดยเร็วๆ นี้ โรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต เตรียมเปิดตัว BDMS Wellness Clinic อย่างเป็นทางการ ในการมอบประสบการณ์ด้านสุขภาพที่ครอบคลุมร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ผสานความเป็นเลิศทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล เพื่อการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และฟื้นฟูความสมบูรณ์ของร่างกายอย่างเต็มรูปแบบ
ทั้งนี้ จะมีโปรแกรมดูแลสุขภาพและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้บริการอย่างใกล้ชิด ลดการใช้สารเคมี เน้นการใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก ส่งเสริมการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การออกกำลังกาย และใช้ชีวิตที่คำนึงถึงธรรมชาติ
หลังจากในช่วงกลางปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทร่วมมือกับ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS เพื่อยกระดับให้โรงแรมศรีพันวา เป็นที่พักผ่อนผสมผสานไปกับการดูแลสุขภาพกายและใจ ให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมพัฒนาโปรดักส์ใหม่ในกลุ่มของธุรกิจดูแลสุขภาพผิว ภายใต้แบรนด์ “BABA SKIN CLUB” ด้วยแนวคิด Skin Vacation นวัตกรรมใหม่เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุง พักผ่อน ซึ่งใช้สารสกัดจากธรรมชาติมาเป็นส่วนผสม คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3/2568 โดยมี “กรัชเพชร อิสสระ” รับตำแหน่งเป็นแบรนด์ไดเร็กเตอร์ ของผลิตภัณฑ์ BABA SKIN CLUB
“BABA SKIN CLUB” เป็นไลน์ธุรกิจใหม่ โดยจะนำร่องเป็นผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดเป็นชุดแรก ซึ่งจะคำนึงถึงกลุ่มลูกค้าทุกเพศ ทุกวัย ให้สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้จบครบในหลอดเดียว ทั้งปกป้อง ดูแล ฟื้นฟู ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม”
ขณะเดียวกัน ในปี 2568 บริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 13,267 ล้านบาท เป็นลักชัวรี่คอมมูนิตี้ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ประกอบด้วย
1.โครงการ อิสสระ เรสซิเดนท์ เป็นบ้านเดี่ยวระดับราคาเริ่มต้น 90 ล้านบาท ในทำเลพระราม 9-กรุงเทพกรีฑา บนที่ดิน 19 ไร่ จำนวน 23 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,513 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวในไตรมาส 2/2568
2.โครงการ บ้านอิสสระ ในทำเลพระราม 9-กรุงเทพกรีฑา เป็นบ้านเดี่ยวระดับราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท บนที่ดิน 21 ไร่ จำนวน 67 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,610 ล้านบาท จะเปิดตัวในไตรมาส 2/2568
3.โครงการ อิสสระ วิลล์ หัวหิน (ISSARA VILLE) เป็นลักชัวรี่พูลวิลล่า ในทำเลหัวหิน บนที่ดิน 4 ไร่ จำนวน 8 ยูนิต มูลค่าโครงการ 144 ล้านบาท
4.โครงการมิกซ์ยูส บนเกาะภูเก็ต “ศรีพันวา ลากูน” บนที่ดิน 62 ไร่ มูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท จะมีทั้งโรงแรมหรู วิลล่า และคอมมูนิตี้ ย่านเชิงทะเล
จากนโยบาย และกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจดังกล่าว บริษัทเชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ในการมุ่งสู่การพัฒนาธุรกิจตรงตามนิยามความเป็นชาญอิสสระ “Live Excellence"
“ธีราภรณ์ ศรีเจริญวงศ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทคากจะเติบโตขึ้นจากปีก่อน เป็นผลจากการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการเดิมที่มีอยู่ในมืออย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการ ดิ อิสสระ สาทร, โครงการ ศศรา หัวหิน, โครงการ บ้านอิสสระ บางนา และโครงการอิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9 เป็นต้น
“ธีราภรณ์“ ยังเล่าให้ฟังถึงคุณค่าของความเป็น “Live Excellence” ว่ามีองค์ประกอบของ Empathy มีความเข้าใจผู้บริโภค จากมุมมองที่หลากหลาย จนสามารถพัฒนา ออกแบบโปรดักส์ที่ตอบโจทย์ของลูกค้า สร้างความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อมที่ดีในการอยู่อาศัย
นอกจากนี้ พร้อมนำ Innovation นวัตกรรมใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดี เกิดความสุขที่ยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสังคม
รวมไปถึงความเป็น Craftmanship ที่กลุ่มชาญอิสสระพร้อมทุ่มเทเวลา และกลั่นกรองในการพัฒนาโปรดักส์ ออกมาเพื่อให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุด มีความแตกต่าง และถูกใจลูกค้า