ก.ล.ต. เร่งออกเกณฑ์จัดตั้ง Thai ESGX เปิดให้ บลจ. ยื่น เม.ย.นี้
ก.ล.ต. เร่งออกประกาศรองรับการจัดตั้งและจัดการ Thai ESGX เปิดให้ บลจ. ยื่นขอจัดตั้งกองทุนรวมใน เม.ย.68 รองรับการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF และเงินลงทุนใหม่ พ.ค.-มิ.ย.68
ตามที่คณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 มีมติเห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ร่างกฎกระทรวงฯ) ตามมาตรการการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน (ESG) และเพิ่มเสถียรภาพตลาดทุนไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ได้แก่ การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับเงินลงทุนใหม่ในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) และการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ไป Thai ESGX ในช่วงเวลาที่กำหนด 2 เดือน ตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า “คณะกรรมการกำกับตลาดทุน (ก.ต.ท.) ในการประชุมครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 มีมติเห็นชอบหลักการปรับปรุงหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการจัดตั้งและจัดการ Thai ESGX ที่สอดรับกับแนวนโยบายของภาครัฐ
โดย ก.ล.ต. จะเร่งเดินหน้าออกประกาศรองรับการจัดตั้งและจัดการ Thai ESGX ให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) สามารถยื่นขอจัดตั้งกองทุนรวมดังกล่าวได้ภายในเดือนเมษายน 2568 เพื่อรองรับการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF และเงินลงทุนใหม่สำหรับการลงทุนในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2568
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ได้มีการหารือร่วมกับ บลจ. และตัวแทนขายหน่วยลงทุนทุกแห่ง เพื่อซักซ้อมความเข้าใจและเน้นย้ำให้ผู้ประกอบธุรกิจให้ความสำคัญในการสื่อสารกับผู้ถือหน่วยลงทุน LTF เกี่ยวกับเงื่อนไขสิทธิประโยชน์ทางภาษีใหม่ภายใต้ Thai ESGX และหากผู้ถือหน่วยลงทุน LTF รายใดแจ้งความประสงค์ที่จะใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี บลจ. และตัวแทนขายหน่วยลงทุนจะต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขของการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF ไป Thai ESGX ที่ต้องดำเนินการให้ครบทุกกองทุน ทุก บลจ. เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขในการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรการที่ภาครัฐกำหนดด้วย
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับแนวนโยบายของภาครัฐ ก.ต.ท. มีมติเห็นชอบหลักการให้ Thai ESGX ลงทุนในทรัพย์สินที่ผู้ออกเป็นภาครัฐไทยหรือกิจการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย ที่มีคุณสมบัติด้านความยั่งยืนตามหลักเกณฑ์เดียวกับกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) ที่ต้องลงทุนในผลิตภัณฑ์กลุ่มความยั่งยืนโดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
โดย Thai ESGX ต้องลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืนโดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV รวมทั้งต้องเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนของกองทุนรวมตามหลักเกณฑ์กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (SRI Fund) เพื่อที่ผู้ลงทุนจะได้รับข้อมูลที่เพียงพอประกอบการตัดสินใจลงทุน นอกจากนี้ Thai ESGX จะได้รับสิทธิยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขอจัดตั้งและแก้ไขโครงการจาก ก.ล.ต. เช่นเดียวกับ SRI Fund ด้วย
สำหรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามร่างกฎกระทรวงฯ เพื่อสนับสนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืนและเพิ่มเสถียรภาพตลาดทุนไทย สำหรับผู้ลงทุนใน Thai ESGX โดยแบ่งวงเงินสิทธิประโยชน์ทางภาษีออกเป็น 2 วงเงิน ประกอบด้วย
วงเงินที่ 1 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจลงทุนใน Thai ESGX ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะในส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท โดยต้องถือครองหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี (วันชนวัน นับแต่วันที่ลงทุน)
วงเงินที่ 2 สำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนที่สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF เดิม ที่ถือทั้งหมดใน LTF ทุกกองทุนในทุก บลจ. (ไม่รวม class หน่วยภาษีอื่นภายใต้กองทุนเดียวกัน เช่น class SSF) มาเป็นหน่วยลงทุนของ Thai ESGX ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท โดยทยอยลดหย่อน 5 ปี ตั้งแต่ปีภาษี 2568-2572 ในปีแรก (2568) วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 300,000 บาท และปีที่ 2-5 (2569-2572) วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุดปีละ 50,000 บาท