จับตา! GULF กลับมาเทรด 3 เม.ย. ไร้ซิลลิ่ง-ฟลอร์! 3โบรกเชียร์ซื้อ

จับตา! GULF กลับมาเทรด 3 เม.ย. ไร้ซิลลิ่ง-ฟลอร์! 3โบรกเชียร์ซื้อ

02 เมษายน 2568

"กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ (GULF)" กลับมาเทรดพรุ่งนี้(3 เม.ย.68) ไม่มีซิลลิ่ง-ฟลอร์! โบรกประสานเสียงเชียร์ ชูหุ้นพื้นฐานแกร่ง เน้นสะสมระยะยาว ให้ราคาเป้าหมาย 68.25 บาท

KEY

POINTS

  • จับตา "กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ (GULF)" กลับมาเทรดพรุ่งนี้(3 เม.ย.68) ไม่มีซิลลิ่ง-ฟลอร์!
  • โบรกประสานเสียงเชียร์ ชูหุ้นพื้นฐานแกร่ง เน้นสะสมระยะยาว ให้ราคาเป้าหมาย 68.25 บาท 

ตลาดหลักทรัพย์รับหลักทรัพย์ "บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF" เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 3 เม.ย.2568 กลุ่มทรัพยากร หมวดธุรกิจ พลังงานและสาธารณูปโภค มีทุนจดทะเบียนและเรียกชําระแล้ว 14,939,837,683 หุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท รวมทุนชําระแล้ว 14,939,837,683 บาท ลักษณะประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นใน บริษัทอื่น (Holding company) โดยมีบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ คือ พลังงาน โครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค และดิจิทัล

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯจะไม่มีการกําหนดราคาซื้อขายสูงสุดและต่ําสุด (Ceiling & Floor) หุ้น GULF ในวันที่ 3 เม.ย.2568 ซึ่งเป็นวันแรกที่มีการซื้อขาย ส่วนวันถัดไป Ceiling & Floor จะถูกปรับให้เป็นไปตามเกณฑ์ปกติ ขึ้นและลงไม่เกิน 30% ของราคาวันก่อนหน้า

สําหรับบริษัทใหม่ "กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ (GULF)" เกิดจากการควบบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULFI) และ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) โดยมีการแลกหุ้น 1 หุ้น INTUCH ได้ 1.69335 หุ้นบริษัทใหม่ และ 1 หุ้น GULF ได้ 1.02974 หุ้นบริษัทใหม่ ทั้งนี้ ราคาครั้งสุดท้ายของ INTUCH ปิดที่ 81.50 บาท และ GULF ปิดที่ 49.75 บาท

กำไรพุ่ง ให้เป้า 68.25 บาท

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า วันพรุ่งนี้(3 เม.ย.2568) NewCo จะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก หลังการควบรวมระหว่าง GULFI กับ INTUCH เสร็จสิ้น โดยใช้ชื่อย่อเดิมคือ "GULF" หุ้นใหม่จะมีทุนจดทะเบียนเรียกชำระ 14,939.84 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 14,939.84 ล้านหุ้น ราคาpar 1 บาท

สำหรับอัตราการแลกหุ้น (swap ratio) ผู้ถือ GULFI 1 หุ้นเดิม จะถูกแปลงเป็น 1.02974 GULF และผู้ถือ INTUCH 1 หุ้นเดิม จะถูกแปลงเป็น 1.69335 หุ้น GULF

GULF จะมีโครงสร้างธุรกิจหลังควบรวม แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน สัดส่วน 60% ของกำไร และกลุ่มธุรกิจดิจิทัล 40% ของกำไร โดยกลยุทธ์หลักยังคงเน้นน้ำหนักไปที่กลุ่มพลังงาน แต่จะมองการลงทุนไปยังธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ นอกเหนืองจากธุรกิจดังเดิมโรงไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น อาทิ Data Center เป็นต้น

ผลบวกจากการควบรวมคาดจะช่วยด้านการปรับโครงสร้างทำให้การบริหารจัดการภายในกลุ่มบริษัทฯมีความคล่องตัว พร้อมโอกาสเกิด synergy ใหม่ๆในระยะยาว

พร้อมคาดจะรับรู้กำไรส่วนเพิ่มจากการถือหุ้น 40% ใน ADVANC (เดิม 20%) เข้ามาเพิ่มเติมกว่า 3.8 พันล้านบาท/ปี (อิงจากส่วนแบ่งกำไรที่คาดเพิ่มขึ้นจากเดิมราว 8.3 พันล้านบาท หักด้วยค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ไม่มีตัวตนราว 4 พันล้านบาท)

ด้านสถานะทางการเงิน คาดจะช่วยให้ GULF มีอัตราส่วน NET IBD/E ลดลงมาอยู่ราว 0.8 เท่า จากเดิม 1.8 เท่า และอันดับเครดิตเรตติ้งเพิ่มขึ้นจาก A+ เป็น AA- ซึ่งคาดจะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินลดลงจากเดิมที่ต้นทุนหุ้นกู้อยู่ราว 3%

คงมูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2568 ของ GULF อยู่ที่ 68.25 บาท/หุ้น คงคำแนะนำ Outperform จากความโดดเด่นด้านปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว พร้อมโอกาสเกิด synergy ในธุรกิจใหม่ๆที่ยังไม่ถูกรวมไว้ในประมาณการ เน้นหาจังหวะเข้าสะสมลงทุนระยะยาว

คาดเทรด 56.56 บาท

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า GULF กลับมาเทรดอีกครั้งพรุ่งนี้(3 เม.ย.68)หลังจากถูกพักการซื้อขาย(SP)ไปเมื่อ 21มี.ค.-2เม.ย.68ที่ผ่านมา ฝ่ายวิเคราะห์คาดหุ้นในกลุ่มนี้จะกลับมาเทรดกันคึกคักอีกครั้ง โดยคำนวณราคาหุ้น GULF ที่จะกลับมาเทรด โดยใช้ราคาอ้างอิงราคาปิดสุดท้ายที่ 56.56 บาทต่อหุ้น

GULF เด่นสุดไตรมาส 2/68

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า GULF ได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรจาก “A+” เป็น “AA-” (1 ระดับ) โดย TRIS Rating พร้อมเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทฯ จาก “A” เป็น “AA-” (2 ระดับ) ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” สะท้อนถึงฐานะการเงินและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งขึ้น และลดความซับซ้อนของธุรกิจ พร้อมเติบโต (SET)

ฝ่ายวิเคราะห์มองบวกกับอันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้นนี้ และถือเป็นสิ่งแรกที่เห็นหลังควบรวมเป็น GULF ใหม่ ระหว่างที่รอแรงหนุนระยะยาวจากการขยายการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและ ICT 

โดยประเมินว่า credit rating ที่ดีขึ้น 1 notch เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยที่อาจลดลงประมาณ 20-40bps ทำให้คำนวณได้ว่าทุกๆ 25bps ที่ลดลงต่อปีจะทำให้ GULF มีดอกเบี้ยลดลงราว 800 ล้านบาทต่อปี จากหนี้ที่มีราว 3.15 แสนล้านบาท

เลือก GULF เป็น Top pick ในไตรมาส 2/2568 อีกทั้งจากงบ Proforma ที่ GULF แจ้งตลาดพบว่าสอดคล้องกับที่บริษัทให้ Guidance คือกำไรหลักจะเพิ่มขึ้น 3-4 พันล้านบาทต่อปี จากการถือหุ้น ADVANC เพิ่มเป็น 40% จากเดิม 20% รวมถึงฐานทุนที่ใหญ่ขึ้น 1.5 แสนล้านบาท ทำให้ NET IBD/E ลดลงเหลือ 0.8 เท่า จาก 1.8 เท่าในไตรมาส 4/2567

Thailand Web Stat