
ตลาดหุ้นไทยสุดซบเซา กระทบหุ้นไอพีโอไตรมาส 1/68 เข้าใหม่แค่ 2 ตัว
ดัชนีตลาดหุ้นไทย นับตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงวันที่ 4 เม.ย.2568 (YTD : Year to Date) หรือรวมระยะเวลากว่า 3 เดือน ปรับตัวลดลง 275.00 จุด หรือลดลง 19.64% จากสิ้นปี 2567 ปิดที่ 1,400.21 จุด มาปิดที่ 1,125.21 จุด เมื่อวันที่ 4 เม.ย.2568 ที่ผ่านมา
ทางด้านมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ณ วันที่ 4 เม.ย.2568 อยู่ที่ 13,909,352.59 ล้านบาท หรือลดลง 3,524,400.86 ล้านบาท จากสิ้นปี 2567 อยู่ที่ระดับ 17,433,753.45 ล้านบาท
ปัจจัยหนึ่งที่สะท้อนได้ว่าตลาดหุ้นซบเซา คือ การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ซึ่งจะเห็นได้จากในช่วงไตรมาส 1/2568 (ม.ค.-มี.ค.2568) มีหุ้น IPO เข้าใหม่ เพียง 2 บริษัท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนอยู่ที่ 540.40 ล้านบาท มูลค่าเสนอขายอยู่ที่ 540.40 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) อยู่ที่ 2,020.40 ล้านบาท
โดยเป็นหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ทั้ง 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIS เข้าจดเบียนในเดือน ม.ค.2568 และ บริษัท มาเธอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ MOTHER เข้าจดทะเบียนในเดือน ก.พ.2568 ขณะที่ในเดือน มี.ค.2568 ไม่มีหุ้น IPO เข้าซื้อขายแม้แต่บริษัทเดียว
หากมองกลับไปในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จำนวนหุ้น IPO ลดลงต่อเนื่อง โดยย้อนไปในปี 2565 มีหุ้น IPO เข้าใหม่ จำนวน 42 บริษัท แบ่งเป็นหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนใoตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 22 บริษัท, PFUND/REIT จำนวน 2 กอง และหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 18 บริษัท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนอยู่ที่ 97,852.50 ล้านบาท มูลค่าเสนอขายอยู่ที่ 127,835.82 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) อยู่ที่ 506,545.49 ล้านบาท
จากนั้นในปี 2566 มีหุ้น IPO เข้าใหม่ จำนวน 40 บริษัท แบ่งเป็นหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 20 บริษัท และหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 20 บริษัท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนอยู่ที่ 38,259.50 ล้านบาท มูลค่าเสนอขายอยู่ที่ 45,306.19 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) อยู่ที่ 173,717.04 ล้านบาท
จนกระทั่งในปี 2567 ที่ผ่านมา มีหุ้น IPO เข้าใหม่ จำนวน 32 บริษัท แบ่งเป็นหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 14 บริษัท และหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 18 บริษัท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนอยู่ที่ 20,450.89 ล้านบาท มูลค่าเสนอขายอยู่ที่ 28,745.25 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) อยู่ที่ 112,806.42 ล้านบาท
สาเหตุที่หุ้น IPO เข้าซื้อขายจำนวนน้อยลง ส่วนหนึ่งมาจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา หุ้น IPO ต่ำจองค่อนข้างมาก ส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นและโอกาสที่จะทำกำไรกับหุ้น IPO จึงทำให้ความต้องการจองซื้อหุ้น IPO ไม่คึกคักเหมือนในอดีตที่นักลงทุนจับจ้องที่จะจองซื้อหุ้น IPO เพื่อทำกำไร
ประกอบกับตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาก ทำให้หุ้นที่มีอยู่ในตลาดฯ จำนวนมาก P/E ต่ำลง Valuation ดีขึ้น กลายเป็นของดีราคาถูก หากหุ้น IPO ที่เข้ามา ไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับหุ้นในกระดาน นักลงทุนก็ไม่ให้ความสนใจ ดังนั้นหุ้น IPO ที่เข้ามาอาจจะได้ไม่คุ้มเสีย จึงเลือกแนวทางที่จะชะลอแผนการระดมทุนออกไป เพื่อรอภาวะตลาดเอื้ออำนวย
อย่างไรก็ตาม มีบางบริษัทที่ช่างน้ำหนักแล้วระหว่างความเสี่ยงที่จะได้เงินระดมน้อย กับโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ ก็เลือกที่จะเดินหน้าเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ แทนการหาเงินจากแหล่งเงินทุนอื่นเพื่อขยายธุรกิจ
กลับมาดูในแง่ “ผลตอบแทน” หรือ “รีเทิร์น” ของหุ้นเข้าใหม่ 2 เดือนแรกของปี 2568 ซึ่งมีจำนวน 2 บริษัท ได้แก่ PIS และ MOTHER ว่า ราคาเปิดเทรดวันแรก และราคาปิดเทรดวันแรก รวมไปถึงราคาหุ้นปัจจุบัน (4 เม.ย.2568) เมื่อเทียบจากราคาไอพีโอ เป็นอย่างไร
เริ่มกันที่ PIS ประกอบธุรกิจให้คำปรึกษา วางแผน ออกแบบพัฒนา และติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยทางภายภาพและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแบบครบวงจร (ICT-Solutions) รวมถึงการบำรุงรักษาอุปกรณ์และระบบที่เกี่ยวข้อง
PIS จดทะเบียนในตลาด mai ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2568 เปิดเทรดวันแรก 3.90 บาท ราคาปรับเพิ่มขึ้น 0.90 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 30.00% จากนั้นปิดเทรดวันแรก 3.60 บาท ราคาปรับเพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 20.00% จากราคา IPO ที่ราคา 3.00 บาท และราคาปิด ณ วันที่ 4 เม.ย.2568 อยู่ที่ 4.46 บาท สูงกว่าราคา IPO ถึง 48.67%
ส่วน MOTHER ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านสำนักงานใหญ่และร้านสาขาชื่อ “ Mother Supermarket ” และ “ Mother Marche ” จำนวนรวม 20 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดกระบี่ พังงา และสุราษฎร์ธานี รวมถึงมีศูนย์กระจายสินค้า 2 แห่งในจังหวัดกระบี่ และสุราษฎร์ธานี
MOTHER จดทะเบียนในตลาด mai ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ เมื่อวันที่ 11 ก.พ.2568 เปิดเทรดวันแรก 2.16 บาท ราคาปรับเพิ่มขึ้น 0.76 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 54.26% จากนั้นปิดเทรดวันแรก 1.61 บาท ราคาปรับเพิ่มขึ้น 0.21 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 15.00% จากราคา IPO ที่ราคา 1.40 บาท แต่ราคาปิด ณ วันที่ 4 เม.ย.2568 อยู่ที่ 0.76 บาท ต่ำกว่าราคา IPO ถึง 45.71%
ปรากฎว่า “PIS” มีผลตอบแทนเป็นบวก หรือราคายืนเหนือกว่าราคา IPO ส่วน “MOTHER” มีผลตอบแทนเป็นลบ หรือราคาต่ำกว่าราคา IPO