posttoday

1000 ยันไหว! หุ้นไทยปิดร่วง 50.62 จุด มาตรการห้ามขายชอร์ตหนุน

08 เมษายน 2568

หุ้นไทยปิดร่วง 50.62 จุด แตะ 1,074.59 จุด ตลาดหลักทรัพย์ฯชี้มาตรการซิลลิ่งฟลอร์-ห้ามขายชอร์ตรักษาเสถียรภาพของตลาดทุน พร้อมติดตามสถานการณ์ความผันผวนอย่างใกล้ชิด

KEY

POINTS

  • หุ้นไทยปิดร่วง 50.62 จุด แตะ 1,074.59 จุด
  • ตลาดหลักทรัพย์ฯชี้มาตรการซิลลิ่งฟลอร์-ห้ามขายชอร์ตรักษาเสถียรภาพของตลาดทุน
  • พร้อมติดตามสถานการณ์ความผันผวนอย่างใกล้ชิด

ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายวันนี้(8 เม.ย.2568) อยู่ที่ 1,074.59 จุด ลดลง -50.62 จุด คิดเป็น -4.50% มูลค่าการซื้อขาย 66,790.73 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,083.75 จุด และลดลงต่ำสุด 1,056.41 จุด

1000 ยันไหว! หุ้นไทยปิดร่วง 50.62 จุด มาตรการห้ามขายชอร์ตหนุน

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า หุ้นไทยกังวล Reciprocal tax กระทบเศรษฐกิจอาเซียนและของไทยมากสุด เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่โครงสร้าง GDP มาจากภาคการส่งออกเป็นสัดส่วนหลัก Sector ที่ปรับลงกดดัชนี คือ พลังงาน (GULF, PTT, PTTEP), ธนาคาร (KBANK, SCB, KTB), และ กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT) ส่วน Sector ที่ปรับขึ้น คือ กลุ่มอิเล็กฯ (DELTA) 

หุ้นที่เคลื่อนไหวผันผวน คือ PTTEP (-9.2%), PTT (-3.97%) กังวล Reciprocal tax กระทบเศรษฐกิจโลก กดดันดีมานด์พลังงานลดลงเป็นลบกับกลุ่มพลังงานต้นน้ำเช่น PTTEP และ PTT ซึ่งมีสูตรราคา link อยู่กับราคาน้ำมันดิบ (Oil link Company) ล่าสุด Goldman Sachs คาดราคาน้ำมันดิบ Brent มีโอกาสร่วงต่ำกว่าระดับ 40 เหรียญต่อบาร์เรล หากสถานการณ์สงครามการค้ารุนแรงขึ้นจนก่อให้เกิด Recession ปัจจุบันแตะ 64 เหรียญฯต่อบาร์เรล

หุ้นแบงก์ KBANK (-8.46%), SCB (-6.94%), KTB (-7.93%), BBL (-5%) GDP มี downside จากผลกระทบของ Reciprocal tax ทำให้ loan growth เสี่ยงต่ำกว่าที่ตลาดคาด ขณะเดียวกันการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจะกดดันให้แบงก์ชาติต้องลดดอกเบี้ยเป็นลบโดยตรงกับกลุ่มธนาคาร เบื้องต้นนักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของเราประเมินหากแบงก์ชาติลดดอกเบี้ยทุกๆ 0.25% จะกระทบคาดการณ์กำไรกลุ่มธนาคารประมาณ 5% และปัญหาหนี้เสียอาจกลับมาอีกครั้ง

หุ้น BTS (-10.80%), BTS (-10.80%), BA (-7.93%), STECON (-7.04%) มีจิตวิทยาลบโดยตรงหลังนายกฯ แถลง เลื่อนการพิจารณากฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ออกไปก่อนเนื่องจากต้องการให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาภาษี Reciprocal กับทางสหรัฐเป็นการสำคัญมากกว่า

หุ้น AMATA (-15.48%), WHA (-14.29%) ภาษี Reciprocal ที่สหรัฐเรียกเก็บไทย, เวียดนาม และ ลาว ในอัตราสูง 37%, 46% และ 48%ตามลำดับ ทำให้ส่วนต่างภาษีเมื่อเทียบกับจีนแคบลงทำให้ข้อได้เปรียบของอัตราภาษีที่เคยเป็นแรงจูงใจให้เกิดกระแสการย้ายฐานผลิตลดลงเป็นลบโดยตรงต่อผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมในไทย, เวียดนาม และ ลาว

"มาตรการซิลลิ่งฟลอร์-ห้ามขายชอร์ต" หนุน

เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2568 ตลาดหลักทรัพย์ฯ สั่งปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว ทั้ง การปรับหลักเกณฑ์เกี่ยวกับราคาเสนอซื้อขายสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) สำหรับทั้ง SET, mai และ TFEX แต่จะไม่ใช้บังคับกับการซื้อขาย DR และ DRx

พร้อม ปรับกรอบราคาซื้อขายแบบ Dynamic Price Band เป็นรายหลักทรัพย์ จากเดิม ±10% จากราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์นั้น เป็น ±5% จากราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์นั้น

สุดท้าย คือ ห้ามการขายชอร์ตทุกหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว ยกเว้น Market Maker สำหรับ SET, mai และ TFEX

1000 ยันไหว! หุ้นไทยปิดร่วง 50.62 จุด มาตรการห้ามขายชอร์ตหนุน

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า มาตรการที่ประกาศใช้เมื่อวานนี้ คิดว่าช่วยรักษาเสถียรภาพของตลาดทุนไทยได้ในระดับหนึ่ง ตลาดเราลดลง 4.50% ซึ่งน้อยกว่าหลายตลาดในภูมิภาค โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการปรับตัวในวันก่อนหน้า

ความผันผวนและความไม่แน่นอนจะยังคงมีอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอให้ผู้ลงทุนติดตามข่าวสารและพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน