SET แกว่งตัวขึ้น กรอบ 1,130-1160 จุด คลายตึงเครียดสงครามการค้า
SET แกว่งตัวขึ้น ในกรอบ 1,130-1160 จุด คลายความตึงเครียดสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน กลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ BTG และ CPALL
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET แกว่งตัวขึ้นตามทิศทางตลาดภูมิภาค นักลงทุนคลายกังวลความตึงเครียดสหรัฐฯ-จีน หลัง ปธน.ทรัมป์ ระบุภาษีขั้นสุดท้ายที่เรียกเก็บจากจีนจะไม่สูงถึง 145% รวมทั้งความคาดหวังทั้ง 2 ประเทศกลับมาเจรจา อย่างไรก็ตามมอง Upside ของ SET ยังจำกัด โดยยังต้องรอความชัดเจนถึงกำหนดการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ อีกครั้ง ประเมินแนวรับที่ 1,135-1,130 จุด แนวต้านที่ 1,155-1,160 จุด
ทั้งนี้ ช่วงสั้นมอง SET ยังแกว่งตัวผันผวนและการซื้อขายจะเป็นไปอย่างระมัดระวัง เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐที่มีต่อประเทศคู่ค้า รวมทั้งยังต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งหากสถานการณ์ยังยืดเยื้อและทวีความรุนแรงขึ้น จะส่งผลกดดันต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและบรรยากาศการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ขณะที่ในประเทศมองยังไร้ปัจจัยบวกใหม่และอยู่ระหว่างจับตาการเข้าเจรจาทางการค้าของรัฐบาลไทยกับสหรัฐ ซึ่งคาดข้อสรุปอาจต้องใช้เวลา 2-3 เดือน
ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ "Selective Buy" ใน 2 ธีมหลัก และ 1 ธีมเทรดดิ้งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY 2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 3% พบหุ้นน่าสนใจ SET50: ADVANC BBL BDMS CPALL PTT และ SET100: BCH BTG
2. หุ้น Undervalued ซึ่งปัจจุบันซื้อขายที่ PER และ PBV 68F ระดับต่ำกว่า -1SD และมี SET ESG Ratings ระดับ A-AAA ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ดี YoY และมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง อีกทั้งมีศักยภาพจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 3% แนะนำ BJC CPF AP HMPRO OR
3. Trading Idea นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรภายใต้สงครามการค้าที่มีท่าทีรุนแรงขึ้น แนะนำหุ้นที่มีรายได้ภายในประเทศเป็นหลักซึ่งจะต้านทานความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่า โดยเฉพาะหากสามารถกำหนดราคาและส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งคาดจะได้ประโยชน์จากการปรับลงของราคาน้ำมันและดอกเบี้ย ได้แก่ BCH CPALL CPAXT GULF MTC OR และ TRUE ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางตรงจากส่งออกไปสหรัฐ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ยาง สินค้าเกษตร เครื่องประดับ และกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางอ้อม ได้แก่ นิคม ท่องเที่ยว ธนาคาร
สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ BTG มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากโมเมนตัมกำไรที่ยังแข็งแกร่ง โดยไตรมาส 1/2568 คาดมีกำไรปกติ 1.65 พันล้านบาท เทียบกับ -126 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2567 และ +73%QoQ และจะแข็งแกร่งต่อเนื่องในไตรมาส 2/2568 (ทรงตัว/เพิ่มขึ้น QoQ และเพิ่มขึ้น YoY) จากราคาสุกรในประเทศที่สูงขึ้นท่ามกลางต้นทุนอาหารสัตว์ระดับต่ำในไตรมาส 2/2568
CPALL มองเป็นหุ้นปลอดภัยภายใต้ตลาดผันผวนและคาดเป็นหุ้นเป้าหมายของกองทุน ThaiESGX หลังปี SET ESG Ratings "AAA" อีกทั้ง Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขาย PER 68F ที่ 15.7 เท่า (-2S.D. จากค่าเฉลี่ย 10 ปี) ขณะที่ไตรมาส 1/2568 คาดกำไรปกติเติบโต 12%YoY จากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ส่วนปี 2568 คาดกำไรเติบโต 15%YoY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์