Thai ESGX เตรียมเสนอขายและรับสับเปลี่ยน LTF ตั้งแต่ 2 พ.ค.-มิ.ย.68
ก.ล.ต. เร่งอนุมัติจัดตั้ง Thai ESGX รวม 37 กองทุน จาก 19 บลจ. คาดเสนอขาย และรองรับการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจากกองทุน LTF พร้อมกัน ตั้งแต่ 2 พ.ค.-30 มิ.ย.68
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ภายหลังที่หลักเกณฑ์กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thailand ESG Extra Fund: Thai ESGX) มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2568 ขณะนี้ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างพิจารณาคำขออนุมัติจัดตั้ง Thai ESGX จำนวน 37 กองทุน จาก 19 บลจ. โดยคาดว่าจะเสนอขายพร้อมกันในวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ได้ตามแผนงานที่เคยแจ้งไว้ ซึ่ง Thai ESGX จะรองรับการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และเงินลงทุนใหม่ โดยการรับสับเปลี่ยนจะเริ่มหลังจากที่มีการจดทะเบียนจัดตั้ง Thai ESGX ไปแล้ว
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลได้จากหนังสือชี้ชวนของกองทุนหรือสอบถามไปยัง บลจ. ที่บริหารจัดการกองทุน LTF ได้ โดยระยะเวลาการเสนอขาย Thai ESGX และการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนใน LTF เป็นหน่วยลงทุน Thai ESGX จะมีระยะเวลา 2 เดือน คือพฤษภาคม-มิถุนายน 2568 ตามมาตรการที่ภาครัฐให้การสนับสนุน
นอกจากนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบความครบถ้วนของการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF บริษัท ดิจิทัล แอคเซส แพลตฟอร์ม จำกัด (DAP) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ให้บริการระบบงานโครงสร้างพื้นฐานในการเข้าถึงกองทุนรวม (FundConnext) ได้พัฒนาระบบให้ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบข้อมูลหน่วยลงทุนในกองทุนภาษี รวมถึง LTF ของตนทั้งหมดผ่านระบบดังกล่าว ซึ่งรวดเร็วและประหยัดเวลา
โดยการให้บริการดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. แล้ว และคาดว่าจะเริ่มให้ผู้ลงทุนตรวจสอบข้อมูลการถือกองทุน LTF ผ่านเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมเช่นเดียวกัน
สำหรับ Thai ESGX เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม หรือความยั่งยืน ที่ผู้ออกเป็นภาครัฐไทยหรือกิจการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยที่ Thai ESGX จะต้องลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิด้วย
วงเงินสิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้มาตรการ Thai ESGX แบ่งออกเป็น 2 วงเงิน ประกอบด้วย
วงเงินที่ 1 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจลงทุนใน Thai ESGX สามารถเริ่มซื้อได้ ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม-30 มิถุนายน 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะในส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท โดยต้องถือครองหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี (วันชนวัน นับแต่วันที่ลงทุน)
วงเงินที่ 2 สำหรับผู้ที่ถือหน่วยลงทุน LTF ณ วันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่แจ้งความประสงค์สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF เดิม ทั้งหมดใน LTF ทุกกองทุนในทุก บลจ. (ไม่รวม class หน่วยภาษีอื่นภายใต้กองทุนเดียวกัน เช่น class SSF) มาเป็นหน่วยลงทุนของ Thai ESGX ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท ตั้งแต่ปีภาษี 2568-2572 โดยในปี 2568 วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 300,000 บาท และปี 2569-2572 ให้ได้รับลดหย่อนเป็นจำนวนเท่าๆ กันในแต่ละปีภาษี
“ก.ล.ต. เชื่อมั่นว่า Thai ESGX จะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และส่งเสริมเป้าหมายด้านความยั่งยืนของประเทศในระยะยาว พร้อมทั้งสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนลงทุนระยะยาวผ่านตลาดทุน โดยผู้ลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลและเลือกลงทุนใน Thai ESGX ที่มีนโยบายการลงทุนที่ตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินของตนเอง” นางพรอนงค์ กล่าว