
ITC ร่วง 1.20 บาท กำไร Q1/68 ต่ำคาด โบรกหั่นเป้าปี 68 ภาษีทรัมป์ฉุด
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น "บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC" เปิดการซื้อขายเช้านี้(29 เม.ย.68) ร่วงแตะ 11.90 บาท ลดลง 1.20 บาท คิดเป็น -9.16% มูลค่าการซื้อขาย 72.94 ล้านบาท
หลังจาก ITC รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2568 รายได้จากการขายรวม 4,249 ล้านบาท เติบโต 5.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ผลจากปริมาณการขายเติบโต 13.2% ซึ่งในไตรมาสแรกของทุกปีจะเป็นช่วงที่ขยายตัวเพียงเล็กน้อย ส่วนในรอบนี้ได้รับผลกระทบบางส่วนจากการขายสินค้ากลุ่มพรีเมียมที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 24.1% จากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนการปรับสัดส่วนการผลิตในกลุ่มสินค้าพรีเมียม เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสมส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 677 ล้านบาท
สัดส่วนรายได้ ITC
อเมริกา คิดเป็น 60% ของรายได้รวม
เอเชียและโอเชียเนีย คิดเป็น 28%
ยุโรป คิดเป็น 12%
รายได้ตามกลุ่มผลิตภัณฑ์
อาหารแมว คิดเป็น 71%
อาหารสุนัข คิดเป็น 16%
ขนมสัตว์เลี้ยง คิดเป็น 13%
นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ITC กล่าวว่า ปีนี้ ITC เดินหน้าขยายฐานลูกค้าในตลาดหลักอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารแมวชนิดเปียก พร้อมต่อยอดผลิตภัณฑ์อาหารสุนัขและขนมสัตว์เลี้ยงให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายสำคัญด้านการเพิ่มปริมาณการจำหน่าย พร้อมมุ่งขยายฐานลูกค้ากลุ่ม private label และผู้นำเข้าสินค้าในทุกภูมิภาค
ล่าสุด บริษัทได้รับคำสั่งซื้อจากผู้ค้าปลีกรายใหม่ในเยอรมนี อิตาลีและตุรกีคาดว่าจะเริ่มส่งมอบสินค้าได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ถือเป็นการรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังมองหาสินค้าที่ราคาคุ้มค่า แต่ยังคงคุณภาพสูงถือเป็นโอกาสสำคัญและเปิดกว้างของ ITC ในการสร้างความแตกต่างและขยายส่วนแบ่งตลาดด้วยเช่นกัน
กำไรต่ำคาด 1.4%
นางสาวนารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ในไตรมาส 1/68 กำไรสุทธิ 677 ล้านบาท ลดลง 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ลดลง 14% จากไตรมาสก่อนหน้า ต่ำคาดเล็กน้อย 1.4% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่เหลือเพียง 24.1% จาก 25.7% ในไตรมาส 1/67 และ 25.5% ในไตรมาส 4/66 เนื่องจากสัดส่วนการขายกลุ่มพรีเมียมลดลง และค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้น
ยอดขาย เพิ่ม 6% จากปีก่อน แต่หด 10%จากไตรมาสก่อน อยู่ที่ 4,249 ล้านบาท โดยลูกค้าหลัก คือ สหรัฐ (คิดเป็น 60% ของยอดขายรวม) ยอดขายยังเพิ่มขึ้น 39% จากปีก่อน ตามความต้องการเพิ่มขึ้นในลูกค้าหลัก แต่หากได้รับผลจากราคาขายเฉลี่ยลดลงจากสัดส่วนการขายกลุ่มพรีเมียมลดลง ประกอบกับตลาดอื่นๆ การขายกลุ่มพรีเมียมลดลงจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
ค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อยอดขาย อยู่ที่ 10.9% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 9-10% จากยอดขายที่น้อยและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากโครงการทรานฟอร์มเมชั่น แต่สิ่งที่ช่วยกำไรในไตรมาสนี้คืออัตราภาษีจ่ายรวมเกณฑ์ Global Minimum Tax ที่ต่ำกว่าเป้าที่ให้ไว้
ภาษีสหรัฐหั่นยอดขายลง
ผู้บริหารปรับลดเป้ายอดขายจากเดิมที่คาดโต 13-15% เหลือ 11-13% และกรณีแย่สุดเหลือโต 6-8% จากผลกระทบของการขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของ ITC และยังส่งผลต่ออัตรากำไรขั้นต้นให้หดตัวจากเดิมตามยอดขายที่ลดลง
เตรียมปรับประมาณการ ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าผลกระทบต่อการขึ้นภาษีนำเข้ามีอยู่แต่ขอฟังการประชุมก่อนเพื่อพิจารณาอีกครั้ง โดยเบื้องต้นขอคงประมาณการไว้ดังเดิมก่อน แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 22.80 บาท
"กำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ต่ำคาดเล็กน้อยจากยอดขายที่ลดลงและทำให้อัตรากำไรขั้นต้นหดตัวตาม โดยผู้บริหารเริ่มปรับเป้าลงจากผลกระทบของภาษีนำเข้าในสหรัฐแล้วซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของ ITC กว่า 60% ของยอดขาย ราคาหุ้นปรับลงมาสะท้อนปัจจัยลบจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐแล้ว แต่เราคาดว่าปัจจัยที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อตลาดอื่นๆให้ลดลงด้วยและอาจมีผลต่อการขายได้ เราจะปรับประมาณการลงสะท้อนปัจจัยที่เกิดขึ้นหลังประชุมนักวิเคราะห์ ณ ราคาปัจจุบันยังคงแนะนำซื้อ อยู่ระหว่างปรับราคาเหมาะสมใหม่"