โฮสเทล ที่พักคนแบกเป้ ลงทุนไม่มาก กำไรไม่ยาก

28 มิถุนายน 2558

โดย...sawaleet@posttoday.com

โดย...sawaleet@posttoday.com

นั่นไง! คิดอยู่แล้วว่า ต้องมีคนพูดว่า “บ้าหรือเปล่า...มาชวนลงทุนทำโฮเทล โฮสเทล อะไรตอนนี้” เพราะตอนนี้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยกำลังเจอมรสุมรุมยำกันอยู่ ตั้งแต่ ICAO ไปจนถึง “เมอร์ส”

แต่ถ้าถามกูรูด้านเศรษฐกิจส่วนใหญ่ให้ความเห็นตรงกันว่า “ในที่สุดเราจะผ่านมันไปได้” เพราะ “หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว” และถ้ามองกันยาวๆ ประเทศไทยกับการท่องเที่ยวคงอยู่คู่กันไปอีกนาน

เพราะฉะนั้นอย่าให้ปัญหาระยะสั้นมาดับฝันระยะยาว โดยเฉพาะความฝันที่จะมีรายได้แบบ passive income

เพราะไม่ว่าจะเป็นโฮเทล หรือโฮสเทล (ถ้าบริหารจัดการให้ดี) สามารถสร้าง passive income ที่น่าตื่นเต้นให้เราได้ และที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่ารายได้จากค่าเช่าประเภทอื่นๆ โดยเฉพาะรายได้จากคอนโดให้เช่า คือ เปลี่ยนจากรายได้รายเดือนมาเป็นรายได้รายวัน

ทำไมต้องโฮสเทล

ทั้งโฮเทล และโฮสเทล เป็นแหล่ง passive income ที่น่าสนใจเหมือนๆ กัน แต่ถ้าเป็นนักลงทุนที่ไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง “โฮสเทล” จะน่าสนใจมากกว่า เพราะเริ่มต้นได้ไม่ยาก ใช้เงินลงทุนไม่มาก

(โฮเทล หรือถ้าเรียกว่า “หอพักนักท่องเที่ยว” อาจจะทำให้เห็นภาพมากขึ้น เพราะเป็นที่พักราคาประหยัดแบบนอนรวม ห้องน้ำรวม ซึ่งส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวแบบ Backpacker)

วรพันธุ์ คล้ามไพบูลย์ กูรูบูติกโฮเตล ผู้เขียนหนังสือและเจ้าของหลักสูตร “เปลี่ยนบ้านเก่าเป็นบูติกโฮเต็ล” บอกว่า ถ้าเทียบกับบูติกโฮเทลแล้ว โฮสเทลใช้เงินลงทุนน้อยกว่า

“ในกรณีที่มีโครงสร้างอาคารอยู่แล้ว บูติกโฮเทลอาจจะต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้น 2-3 แสนบาท/ห้อง และไม่ควรเกิน 1-1.5 ล้านบาท/ห้อง แต่โฮสเทลใช้เงินเพียง 6-7 หมื่นบาท/เตียง และไม่เกิน 1.5 แสนบาท/เตียง” วรพันธุ์ แนะนำ

เช่นเดียวกับ พูม ชินโชติกร ผู้เขียน “ทำงานออฟฟิศ ให้เป็นธุรกิจร้อยล้าน” เจ้าของบูติกโฮเทล ที่เริ่มต้นจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่ช่วยยืนยันอีกแรงว่ามีงบน้อยก็สามารถทำธุรกิจนี้ได้ โดยเริ่มจากการดัดแปลงที่พักอาศัย เช่น อาคารพาณิชย์ ให้เป็นโฮสเทล

นอกจากนี้ สำหรับมนุษย์เงินเดือนยังได้เปรียบกว่า และเริ่มต้นได้ง่ายกว่า เพราะมี “สลิปเงินเดือนเป็นหลักประกัน” สามารถนำมาขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในการซื้อ

“ที่อยู่อาศัย” มาดัดแปลงเป็นโฮสเทล ซึ่งนอกจากจะดอกเบี้ยต่ำมีระยะเวลาผ่อนนานถึง 30 ปีแล้ว ยังขอได้ง่ายกว่าการขอสินเชื่อเพื่อทำธุรกิจ

“ในกรณีที่มีห้องพักไม่เกิน 4 ห้อง คนพักไม่เกิน 20 คน และเป็นการประกอบกิจการเพื่อหารายได้เสริม จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตทำเป็นโรงแรม” พูม แนะนำ

พร้อมกับบอกว่า “ปัญหาอย่างเดียวของธุรกิจนี้ คือ กระแสเงินสดหมด ไม่มีเงินผ่อน ถ้ากระแสเงินสดไม่หมด จะรอดทุกคน” เพราะฉะนั้น พูม จึงแนะนำให้ “กันเงินส่วนหนึ่งไว้สำหรับผ่อนธนาคารให้ได้อย่างน้อย 6 เดือน”

ขณะที่ วรพันธุ์ บอกว่า “ถ้ามีรายได้ 100 บาท ควรเป็นค่าใช้จ่ายไม่เกิน 60 บาท โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็นค่าการตลาดประมาณ 15-20% และอีก 30% เป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ

ซึ่งรวมแล้วห้ามมากกว่านี้ แล้วจะมีโอกาสคืนทุนภายใน 5 ปี”

ทำเลดี แต่ไม่ต้องดีมาก

ถ้าเป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ จะมี 3 คำที่เราได้ยินอยู่บ่อยๆ คือ ทำเล ทำเล และทำเล การลงทุนทำโฮสเทลก็เช่นกัน เพราะ “ทำเล” ยังเป็นปัจจัยที่มีผลกับการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวประเภท “แบกเป้ท่องโลก”

วรพันธุ์ บอกว่า “ทำเลเป็นหัวใจของโฮสเทล” เพราะต้องเดินทางสะดวก อยู่ใกล้เมือง โดยเฉพาะถ้าไม่ได้อยู่ในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต ยิ่งจำเป็นต้องอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ หรือใจกลางเมือง “แต่ไม่ใช่ว่าพื้นที่ไกลออกไปจะไม่มีสิทธิ”

นอกจากนี้ การเลือกทำเลที่ห่างไกลออกไปยังช่วยให้ประหยัดต้นทุนลงไปได้อีก เพราะราคาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ห่างไกลออกไปจะมีราคาต่ำกว่าพื้นที่ใจกลางเมือง เพียงแต่เราต้องหา “จุดเด่น” หรือ “จุดขาย” มาทดแทน

“สุขุมวิท สีลม ข้าวสาร ถือเป็น red ocean สำหรับธุรกิจโฮสเทล เพราะฉะนั้นถ้าเงินไม่ถึงอย่าเข้าไป แต่ควรออกไปหาพื้นที่ที่เป็น blue ocean แล้วสร้างแบรนด์ให้แข็งแรง” วรพันธุ์ กล่าว

ขณะที่ พูม บอกว่า เขาชอบที่จะทำธุรกิจใน “จังหวัดท่องเที่ยวหลัก” มากกว่าที่จะไปในจังหวัดรอง เพราะเขาต้องการให้แหล่งท่องเที่ยวเป็นตัวดึงดูดลูกค้า ซึ่งทำให้ธุรกิจง่ายขึ้น

แต่ก็ยอมรับว่าเช่นกันว่า “ทำเลดี ทำให้ต้นทุนสูง และกำไรน้อย” เพราะฉะนั้นจึงแนะนำให้เริ่มต้นที่ “ทำเลประมาณ 2-3 ดาวก็พอแล้ว แต่ขอให้ไปมาสะดวก หาซื้อของกินได้ง่าย อย่าไปมุ่งมั่นกับทำเลมากเกินไป แต่หาจุดขายอย่างอื่นมาทดแทน แต่ถ้ามีกำลังจ่ายไหวก็ควรเลือกทำเลที่ดีที่สุด”

คำถามต่อมา คือ แล้วเราจะลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ หรือจะเช่าเพื่อนำมาดัดแปลงเป็นโฮสเทล ซึ่งก่อนจะตอบคำถามนี้ให้เอามือล้วงลงไปในกระเป๋าของเราก่อน เพราะในนั้นมีคำตอบ

ถ้าเป็นการเริ่มต้นที่กระเป๋ายังไม่หนักมาก ทั้ง วรพันธุ์ และ พูม แนะนำตรงกันว่า ควรเริ่มต้นจากการเช่าสถานที่ เพราะใช้เงินลงทุนไม่มาก และทำให้คืนทุนได้เร็ว (แต่ต้องเช่าให้ได้อย่างน้อย 9 ปีขึ้นไปถึงจะดี)

แต่ถ้ามีกำลังทรัพย์มากขึ้น การเลือกที่จะซื้อ ที่แม้จะทำให้ลงทุนมากขึ้น และคืนทุนช้าลง แต่พูม เชื่อว่า เราจะได้ “กำไรจากส่วนต่างราคาที่ดิน” เป็นของแถม

เริ่มต้นได้ใน 2 เดือน

ถ้าเทียบกับการสร้างรายได้ค่าเช่าแบบอื่นๆ แล้ว ธุรกิจโรงแรม หรือโฮสเทล ทำได้ยากกว่า แต่สำหรับพูม แล้ว เขาบอกว่า “ถ้าอยากสบายๆ รายได้น้อยก็ทำหอพัก แต่ถ้ายอมลำบากขึ้นมาอีกนิดหนึ่งทำเป็นโรงแรม อาจจะมีรายได้มากขึ้น 10 เท่า เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดว่ามันยาก และสามารถเริ่มทำได้ใน 2 เดือน

แต่ถ้ายังคิดว่า “มันยาก” ลองไปเรียนรู้เคล็ดลับจาก “กูรู” เพื่อช่วยย่นระยะเวลาความสำเร็จ เช่น หลักสูตร “ทำโรงแรมบูติกสุดฮิป ให้เป็นธุรกิจเงินล้าน” ของ พูม ซึ่งจะจัดวันที่ 15-16 ส.ค. 2558 และหลักสูตร “โฮสเทลที่รัก” วันที่ 11-12 ก.ค. 2558 ซึ่ง วรพันธุ์ ร่วมกับวิทยากรอีกหลายคน เช่น ผู้ก่อตั้ง “Lub-D Hotel” และเจ้าของโฮสเทล “สะพายเป้”

แล้วเราจะรู้ว่าการสร้างรายได้จาก “โฮสเทล” ไม่ยาก

Thailand Web Stat