การเป็นนักลงทุนที่ชาญฉลาด (ตอนที่ 13)
จากบทความหลายๆตอนที่ผ่านมาที่ผมได้พูดถึง INDICATOR ไป7ตัวแล้ว และผมได้พูดถึงเรื่องเส้นแนวโน้ม โดยบทความที่แล้วผมพูดจบเรื่องเส้นแนวโน้มขาขึ้น
โดย...กิติชัย เตชะงามเลิศ นักลงทุนหุ้นและอสังหาริมทรัพย์
จากบทความหลายๆตอนที่ผ่านมาที่ผมได้พูดถึง INDICATOR ไป7ตัวแล้ว และผมได้พูดถึงเรื่องเส้นแนวโน้ม โดยบทความที่แล้วผมพูดจบเรื่องเส้นแนวโน้มขาขึ้น สัปดาห์นี้จะเริ่มจากเส้นแนวโน้มขาลง ซึ่งง่ายมาก เมื่อเราเห็นจุดสูดที่ต่ำลงมาเรื่อยๆ เราก็สามารถลากเส้นแนวโน้มขาลง โดยการลากจากจุดที่อยู่สูงที่สุดก่อนหน้าไปยังจุดสูงที่สุดถัดไป แล้วลากต่อไปทางขวามือ ก็จะได้เส้นแนวโน้มขาลง เมื่อหุ้นตัวนี้เด้งขึ้นมาก็จะเจอกับเส้นแนวโน้มขาลงตัวนี้สกัดต้านเอาไว้ แต่ถ้าการดีดตัวมีความแข็งแกร่งมาก อาจจะทะลุเส้นแนวโน้มนี้ได้ แล้วอาจจะเปลี่ยนจากแนวโน้มลงเป็นแนวโน้มขึ้น หรืออาจจะเปลี่ยนเป็น SIDE WAY
นอกจากเส้นแนวโน้มขาขึ้นและขาลงแล้ว ยังมีรูปแบบต่อเนื่อง (CONTINUOUS PATTERN)อีกหลายรูปแบบ รูปแบบที่เห็นได้บ่อยๆคือรูปแบบสามเหลี่ยม(TRIANGLE) ซึ่งรูปแบบนี้ ท่านอาจจะต้องมีจินตนาการที่ดีในการมองเห็นรูปจากกราฟของแท่งราคาหุ้นแล้วสามารถมองออกมาได้ว่าเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม หรืออาจจะต้องหาประสบการณ์ในการดูกราฟมากๆเข้าไว้ ในที่สุดพอเห็นรูปกราฟที่พอจะพล็อตเป็นรูปสามเหลี่ยมได้ ท่านจะสังเกตเห็นได้ทันทีที่เห็นรูปภาพนั้นๆ โดยที่รูปแบบสามเหลี่ยมนี้ยังแบ่งออกเป็น
1.SYMMETRIC TRIANGLEคือรูปแบบราคาที่เมื่อพล็อตเป็นรูปกราฟแล้วเส้นแนวโน้มเส้นบนจะเป็นเส้นแนวโน้มลง ส่วนเส้นแนวโน้มเส้นล่างจะเป็นเส้นแนวโน้มขาขึ้น โดยทำมุมกับเส้นกึ่งกลางระหว่างเส้นทั้ง 2 ด้วยองศาที่เท่ากันหรือใกล้เคียงกัน เมื่อราคาหุ้นตัดเส้นแนวโน้มเส้นบนขึ้นไปหมายถึงสัญญาณซื้อ ในขณะที่ถ้าราคาหุ้นตัดเส้นแนวโน้มเส้นล่างลงไปหมายถึงสัญญาณขาย
2.ASCENDING TRIANGLEเป็นรูปแบบของราคาที่มีจุดสูงสุดอยู่ในระดับเดียวกันหลายๆจุด ส่วนจุดต่ำสุดยกตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยปกติเมื่อเราลากเส้นบนจะได้เป็นเส้นที่แทบจะเป็นแนวราบ ส่วนเส้นล่างจะเป็นเส้นแนวโน้มขึ้น แล้วในที่สุดราคาหุ้นก็จะทะลุเส้นบนขึ้นไป เมื่อเส้นแนวโน้มเส้นล่างวิ่งเข้าใกล้เส้นแนวราบเส้นบน ซึ่งหมายถึงสัญญาณซื้อนั่นเอง โดยมี TARGET แรกอยู่ที่ความสูงระหว่างเส้นแนวราบกับจุดต่ำสุดจุดแรกเมื่อนำมาบวกกับราคา ณ จุดที่ราคาหุ้นตัดกับเส้นแนวราบขึ้นไปนั่นเอง
3.DESCENDING TRIANGLEเป็นรูปแบบที่ตรงกันข้ามกับรูปแบบที่ 2 หรือ ASCENDING TRIANGLE กล่าวคือ รูปแบบของราคาชนิดนี้มีจุดสูงสุดต่ำลงเรื่อยๆ เมื่อลากเส้นแนวโน้มจะได้เป็นเส้นแนวโน้มขาลง ในขณะที่จุดต่ำสุด จะมีหลายจุด ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน แล้วในที่สุดราคาหุ้นก็จะทะลุเส้นล่างที่เป็นเส้นแนวราบลงไป กลายเป็นสัญญาณขาย โดยมี TARGET แรกอยู่ที่ความสูงระหว่างเส้นแนวราบกับจุดสูงสุดจุดแรก ซึ่งเมื่อนำความสูงนี้ไปบวกกับราคา ณ จุดที่ราคาหุ้นตัดเส้นแนวราบลงมานั่นเอง
รูปแบบต่อเนื่องต่อไปคือรูปแบบ FLAG แบะ PENNANT เป็นรูปแบบที่มีการพักตัวชั่วคราวจากแนวโน้มเดิม ซึ่งปกติจะกินเวลาประมาณ 1-3 สัปดาห์ หลังจากนั้นก็จะขยับตัวไปในทิศทางเดิม โดยที่ถ้าเดิมเป็นแนวโน้มขาขึ้น หลังจากจบรูปแบบ FLAG หรือแบบ PENNANT ก็จะกลับไปเป็นรูปแบบขาขึ้นต่อ หรือถ้าเดิมเป็นแนวโน้มขาลง พอจบรูปแบบ FLAG หรือแบบ PENNANT ก็จะลงต่อ
1. FLAGคือรูปแบบต่อเนื่องของการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่เมื่อสังเกตให้ดีจะมีรูปแบบเหมือนธง 4 เหลี่ยม
2.PENNANTคือรูปแบบต่อเนื่องของการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่สร้างรูปแบบเป็นรูปธงแบบสามเหลี่ยม
รูปแบบต่อเนื่องถัดมาคือ WEDGE ซึ่งเมื่อมองผิวเผินจะรู้สึกคล้ายๆกับ PENNANT แต่ต่างกันตรงที่ WEDGE จะมีการฟอร์มตัวในระยะยาวที่นานกว่า PENNANT ซึ่งจะใช้เวลาฟอร์มตัวในช่วงสั่นๆเพียง 1-3 สัปดาห์ และ WEDGE จะมีการทำจุดต่ำสุดใหม่ ในขณะที่ PENNANT จะมีจุดต่ำสุดที่ยกสูงขึ้น บทความหน้าเรามาคุยต่อกันเรื่องรูปแบบการเคลื่อนไหวแบบต่อเนื่องอื่นๆกันต่อครับ