กองทุนหุ้น Active กับ Passive ต่างกันอย่างไร

10 เมษายน 2560

โดย...วิน พรหมแพทย์

โดย...วิน พรหมแพทย์

กองทุนแบบ Active คือ ผู้จัดการกองทุนบริหารกองทุนโดยมีเป้าหมายให้ได้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เช่น หากดัชนี SET Index ให้ผลตอบแทน +7% ผู้จัดการกองทุนก็หวังว่าจะทำได้ +8 หรือ +9% หรือมากกว่านั้น

ผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์ที่วัดตามดัชนี เราเรียกว่า เบต้า (Beta) จากตัวอย่างข้างต้น SET Index มี Beta = 7% ผลตอบแทน “ส่วนเพิ่ม” จากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เราเรียกว่า อัลฟ่า (Alpha) จากตัวอย่างข้างต้น หากผู้จัดการกองทุนทำผลตอบแทนได้ 9% จะนับว่าได้ Alpha = 9% - 7% = 2% ซึ่งตัว Alpha นี่เองที่เป็นการวัด “ฝีมือ” ของผู้จัดการกองทุน

วิธีการจะให้ได้ผลตอบแทนมากกว่าดัชนี ก็คือการจัดสัดส่วนหุ้นในพอร์ตโดยเพิ่มน้ำหนัก (Overweight) หุ้นที่คิดว่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาด และลดน้ำหนัก (Underweight) หุ้นที่คิดว่าจะแย่กว่าตลาด เช่น หากดัชนี SET Index มีน้ำหนักหุ้น PTT อยู่ 10% และผู้จัดการกองทุนคิดว่าหุ้น PTT จะให้ผลตอบแทนแย่กว่าตลาด ก็อาจจัดพอร์ตให้มีสัดส่วน PTT เพียง 5% หรือ 6% หรืออาจไม่ลงทุนใน PTT เลย

กองทุนแบบ Passive คือ ผู้จัดการกองทุนบริหารกองทุนโดยมีเป้าหมายให้ได้ผลตอบแทนเท่ากับหรือใกล้เคียงกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เช่น หากดัชนี SET Index ให้ผลตอบแทน +7% ผู้จัดการกองทุนก็หวังว่าจะทำได้ +7% เท่ากัน กองทุนแบบนี้จึงมุ่งหวังแต่ Beta ไม่หวัง Alpha

เนื่องจากกองทุนแบบ Passive ไม่ต้องใช้นักวิเคราะห์หรือผู้จัดการกองทุนในการวิเคราะห์อุตสาหกรรมหรือวิเคราะห์หุ้นรายตัว แต่อาจใช้ผู้จัดการกองทุนในการคอยทำคำสั่งซื้อขายเพื่อปรับพอร์ตให้มีน้ำหนักสอดคล้องกับดัชนีอ้างอิง กองทุนแบบนี้จึงใช้คนน้อยกว่าแบบ Active การมีต้นทุนดำเนินงานถูกกว่า ก็ทำให้กองทุนแบบ Passive คิดค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการต่ำกว่า

กองทุน CIMB-Principal Equity Dividend Income (iDIV) เป็นกองทุนเรือธง (Flagship Fund) ในกลุ่ม iSeries ลงทุนโดยมุ่งหวังผลตอบแทนมากกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) ด้วยนโยบาย Bottom-up Stock Selection คือ เน้นเลือกหุ้นรายตัว โดยดูจาก 3 ปัจจัย ได้แก่ 1.พื้นฐานดีโตเร็ว 2.Valua tion ไม่แพงเกินไป และ 3.เป็นหุ้นดีที่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่สนใจหรือถูกมองข้าม ในการบริหารกองทุน iDIV ทีมผู้จัดการกองทุนหุ้นมีหน้าที่เข้าพบผู้บริหาร (Company Visit) รวมกันไม่ต่ำกว่าปีละ 200 ครั้ง พร้อมเขียนรายงานวิเคราะห์ด้วยตนเอง เพื่อเฟ้นหาหุ้นดีน่าลงทุน รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทีมงานมืออาชีพของ CIMB-Principal อีก 60 คน ในภูมิภาคอาเซียน

กองทุนหุ้น Active กับ Passive ต่างกันอย่างไร

 

ผลของการวิเคราะห์เลือกหุ้นแบบรายตัวและการมีวินัยลงทุนอย่างเคร่งครัด กองทุน iDIV จึงมีผลการดำเนินงานโดดเด่น โดยมีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี (สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2560) เฉลี่ย 7.98% ต่อปี สูงกว่าดัชนีอ้างอิง (SET Index) ที่ได้เพียง 1.80% ต่อปี นับว่าทีมลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม หรือ Alpha ได้มากถึง 6.18% ต่อปี และทำให้กองทุน iDIV ได้รับการประเมินสูงสุด 5 ดาว จาก Morningstar Thailand

กองทุน CIMB-Principal SET50 Index เป็นกองทุนที่บริหารแบบเชิงรับ (Passive Management) มุ่งเน้นการจัดพอร์ตลงทุนให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง ในที่นี้คือ SET50 Index ซึ่งเป็นดัชนีของหุ้นที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงสุด 50 อันดับแรก โดยมีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี (สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2560) เฉลี่ย 3.76% ต่อปี ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง (SET50 Index) ที่ได้ 1.85% ต่อปี

เมื่อนึกถึงกองทุนแบบ Active กับ Passive หลายคนจะโฟกัสที่ “ค่าธรรมเนียมการจัดการ” โดยกองทุน CIMB-Principal iDIV มีค่าธรรมเนียมการจัดการ 1.75% ต่อปี มากกว่ากองทุน CIMB-Principal SET50 Index มีค่าธรรมเนียมการจัดการ 0.40% ต่อปี ถึง 4 เท่า แต่ตัวเลขผลตอบแทนของกองทุน iDIV ทำได้เกือบปีละ 8% สะสม 3 ปีก็เกือบ 24% ในขณะที่กองทุน SET50 Index ทำได้ปีละ 3.76% สะสม 3 ปีก็ไม่ถึง 12% แปลว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กองทุน iDIV ชนะกองทุน SET50 Index ไปมากกว่า 2 เท่า ขอย้ำอีกนิดว่า ตัวเลขผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุน iDIV ที่ 7.98% ต่อปี เป็นตัวเลข “สุทธิหลังหักค่าธรรมเนียม” แล้วนะครับ แปลว่าจริงๆ ทีมจัดการกองทุนสร้างผลตอบแทนให้ iDIV มากถึงปีละ 9.73% (7.98 + 1.75)

Thailand Web Stat