วางเป้าหมาย เพิ่มพลังบวกชีวิต
คอลัมน์ Great Talk
คุณเกรท คะ คือแบบว่าช่วงนี้ดิชั้น รู้สึกนอยด์ง่าย ท้อแท้หมดกำลังใจเหมือนไม่ค่อยอยากทำอะไรเลย เราจะทำอย่างไรให้พ้นจากความรู้สึกแบบนี้ได้คะ ขอวิธีการหน่อย
จากน้องค่ะ
อจ.ครับ ทราบมาว่า อจ เคยเป็นโรคซึมเศร้าตอนนี้อาการเป็นอย่างไรบ้างครับ ยังกินยาอยู่ไหมและดูแลตัวเองอย่างไรครับ
ว่าด้วยโรคซึมเศร้าผมต้องกินยา ตั้งแต่ประมาณอายุ 18 ถึงประมาณ 23 ปีครับ หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้กินอีกเลย อาการของผมคือท้อแท้ง่าย ไม่อยากทำอะไร ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีความหวัง ไม่มีความสุข ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ทุกวันที่ตื่นคือไม่อยากตื่น ที่ต้องตื่นเพราะมันตื่นเอง พอตื่นมาก็อยากนอนเฉยๆ ทำตัวเหมือนผักไม่อยากกระดุกกระดิกไปไหน ยิ่งช่วงตอนที่เรียนหนังสือนี้สบายเลย เดือนนึงไม่ไปไหนตอนปิดเทอม นอนเป็นผักในห้อง รอแม่ซื้อข้าวปลาอาหารแห้งมาให้กิน
ที่เขาบอกกันว่าโลกหม่นเป็นสีเทา อันนี้จริงนะครับ เมื่อก่อนผมเห็นภาพสิ่งรอบตัวทั้งหมดเป็นสีออกเทาๆ ดำๆเหมือนมันหม่นๆตลอดเวลา อาการที่ว่านี้อาจคล้ายเวลาเราตกหลุมรักใครสักคนหรือกำลังมีความรักหวานชื่นเราก็จะมองทุกอย่างรอบตัวสดใสเป็นสีชมพูนั้นแหล่ะครับ
ผมเป็นคนคิดเยอะคิดมากคิดฟุ้งซ่าน เป็นพวกเจ้าความคิด คิดมันอยู่นั้นแหล่ะ พอจะนอนก็ดันคิดต่อ พอคิดว่านอนไม่หลับมันเลยยิ่งนอนไม่หลับ เมื่อก่อนทำทุกอย่างตั้งแต่นับแกะ อ่านหนังสือให้ง่วง กินนมอุ่น ไปจนกินยานอนหลับ
คิดเยอะมาตั้งแต่เด็กคิดว่า "เอทำไมชีวิตเราเป็นอย่างนี้ ทำไมคนอื่นเป็นอย่างนั้น ทำไมเราไม่มีแต่เขามีกัน ทำไมเราดูโง่จังถ้าเทียบกับคนอื่น”
ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเองนะครับ ดันทะลึ่งไปคิดเรื่องคนอื่นอีก ด้วยความที่เราไม่ค่อยไปเล่าเรื่องปัญหาให้ใครฟัง ทำให้คนอื่นคงอาจคิดว่าเราแก้ปัญหาให้เขาได้ ทีนี้ก็หนักครับ มีปัญหาคนอื่นเขามาเล่าให้ฟังให้เราคิดอีก ^^
ด้วยความที่ตัวเราเองขาดความรักและการยอมรับจากคนรอบตัว พอมีคนมาปรึกษาเราก็ยิ่งรู้สึกว่าเรามีคุณค่า ทีนี้ก็มันส์ครับ เหมือนศิรานี รับปรึกษาปัญหาชีวิต เก่งหมดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องตัวเองเล่ามาถึงขนาดนี้ก็เหมือน แกง(หมายความว่าแกล้งเป็นศัพท์วัยรุ่นสมัยนี้ครับผมเรียนมาจากลูกศิษย์) ตัวเองความรู้สึกพวกนี้คนที่เป็นโรคซึมเศร้าจะเข้าใจดี
ส่วนอาการอยากตายไม่อยากมีชีวิตอยู่อันนี้เป็นเรื่องปกติของคนที่เป็นหนักๆครับ ผมก็เป็นแต่ผมไม่อยากฆ่าตัวตายเพราะกลัวบาปแต่ผมอยากให้คนอื่นมาฆ่าผม ผมจะได้ไม่บาป ประมาณว่า “ใครก็ได้มาฆ่ากูที กูไม่อยากอยู่แล้ว” อีกด้านนึงคือ ผมอยากฆ่าคนอื่น เป็นอารมณ์แบบว่าไอ้พวกเลวๆ เห็นแก่ตัว ขี้โกงคนที่เคยทำร้ายผมตอนเด็กๆ ผมอยากฆ่าเขา เพราะมันเก็บกดมากๆ แต่โชคดีที่พบหนทางสว่างในตัวเองได้ทันเลยไม่ได้ไปฆ่าเขา มิฉะนั้นป่านนี้ผมน่าจะไปเป็น อาจารย์อยู่ในคุกที่ไหนสักแห่ง ^^
ดังนั้นอาการนอยด์ๆ หมดหวังท้อแท้ของคุณน้อง ผมเจอมาเป็นปกติเลยครับ ไม่ใช่แค่ในอดีตทุกวันนี้ก็เป็น โรคนี้ถ้าเป็นแล้วถึงระดับสารเคมีมันผิดปกติมันน่าจะหายยากนะครับ มันไม่ใช่แค่คิดไปเองว่าเรา “เป็นซึมเศร้า”
แต่มันคือ “โรคๆ”หนึ่งครับ เหมือนเป็นหวัดเราไม่ได้คิดว่าเป็นแล้วป่วย ฮัดชิ๊ว คัดจมูกแต่มันคือเป็นโรคเพราะติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียครับ
คราวนี้วิธีที่ผมใช้คือ1.นั่งสมาธิ วันละครึ่งชม ดูความคิดว่าความคิดที่ไม่ดีผมก้อตบมันทิ้งไปพยายามไม่คิดต่อส่วนอันไหนที่เป็นความคิดเจ๋งๆ ผมก็เอามาคิดต่อครับ2.อะไรไม่ดีหรือคนไม่ดีก็ห่างๆมันไป ใครที่คอยสร้างปัญหาให้เราหรือไม่ได้จริงใจกับเรามากนักเราก็ห่างเขาหน่อย ไม่ต้องไปเกียจเขานะครับแค่ห่างๆ เขาอยากทำอะไรก็ช่างเขาไม่ใช่เรื่องของเรา
แต่ปัจจุบันอาจทำยากนิดนึงในโลกโซเชียลมีเดีย ด้วยอาการที่เราอยากรู้อยากเห็นเรื่องของเขา เราอาจแอบๆไปส่องเขาตามไอจีตามเฟซบุ๊คเขา อาการพวกนี้ลดๆหน่อยก็ดีครับ เอาความสุขของเราไปสร้างให้คนที่รักเราและเรารักเขาดีกว่า3.งานที่ทำหรือการใช้ชีวิตให้มีประโยชน์และเป็นเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่พอที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนให้ดีขึ้นบ้าง หากเรารักตัวเองไม่พอก็ลองทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อคนรอบตัวดูครับ
วิธีนี้ผมลองใช้ตั้งแต่วัยรุ่น จนถึงตอนนี้ยิ่งเราทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่และสร้างผลกระทบเชิงบวกให้ผู้คนรอบตัวไปเรื่อยๆ พลังในการทำเปลี่ยนแปลงตัวเราจะยิ่งเพิ่มขึ้นมากตามกัน คล้ายกับปัญหามันจะเล็กลงเรื่อยๆเพราะปัญหาเดิมๆมันจะถูกแก้ไขและพัฒนาการของเราจะเพิ่มขึ้นนั้นแหล่ะครับ
นี่เป็นวิธีคร่าวๆของผมนะครับลองเอาไปใช้ดูละกันครับ