กิจการจด “บริษัทจำกัด” ดีหรือไม่ เมื่อเงื่อนไขกฎหมายใหม่บังคับใช้
เมื่อธุรกิจของคุณเดินทางมาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจจดทะเบียนบริษัทเป็นนิติบุคคลซึ่งอาจมาพร้อมกับเหตุผลต่างๆ เช่น เรื่องของการดำเนินกิจการ การสร้างระบบการบริหารงาน และภาษีที่เสียในอัตราที่ถูกกว่ารูปแบบบุคคลธรรมดา ดีหรือไม่ หรือควรจดทะเบียนนิติบุคคลรูปแบบอื่น
กล่าวคือธุรกิจที่เสียภาษีในนามบุคคลธรรมดา จะคำนวณภาษีจากรายได้ตลอดทั้งปี อัตราภาษีสูงสุด 35% แต่เมื่อจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว จะคำนวณเสียภาษีจากกำไรสุทธิในอัตราสูงสุด 20% โดยจะต้องพิจารณาต่อว่า ควรจดทะเบียนนิติบุคคลรูปแบบไหน ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมจดอยู่ 3 รูปแบบ คือ
1. บริษัทจำกัด
2. ห้างหุ้นส่วนจำกัด
3. ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล
ทั้งนี้ “บริษัทจำกัด” เป็นรูปแบบที่มีผู้ประกอบการจดทะเบียนมากที่สุด กระทั่งได้มีการแก้กฎหมายการจดบริษัทจำกัดใหม่ ซึ่งมีผลบังใช้วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 นี้ จะต่างจากเดิมอย่างไร ดีกว่าเดิมหรือไม่ หรือควรจดทะเบียนนิติบุคคลรูปแบบอื่นจะดีกว่า ต้องไปติดตาม...
แก้กฎหมายจัดตั้งบริษัทจำกัด
จากพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 23) พ.ศ.2565 เรื่องแก้กฎหมาย “บริษัทจำกัด” และปรับปรุงข้อกำหนดให้มีความสมัยใหม่ขึ้น มีสาระสำคัญดังนี้
1. การยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทสามารถยื่น ณ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทที่สำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่หรือตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด จากเดิมสำนักงานใหญ่อยู่ในจังหวัดใด ต้องจดทะเบียน ณ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนั้นเท่านั้น
2. รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนด ลด หรือยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัท หรือกำหนดค่าธรรมเนียมให้แตกต่างกันตามรูปแบบการทำธุรกรรมก็ได้ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนใช้บริการผ่านระบบสารสนเทศมากขึ้น
3. บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป จะเริ่มก่อการและตั้งเป็นบริษัทจำกัดได้ จากเดิมต้อง 3 คนขึ้นไป
4. หนังสือบริคณห์สนธิที่จดทะเบียนไว้ หากไม่ดำเนินการจดทะเบียนบริษัทจำกัดภายใน 3 ปีสิ้นผลทันที จากเดิมที่ไม่มีอายุของการสิ้นผล ทำให้บุคคลอื่นไม่สามารถใช้ชื่อบริษัทที่ปรากฏในหนังสือบริคณห์สนธิที่จดทะเบียนไว้ได้
5. บริษัทใดมีตราประทับต้องประทับตราในใบหุ้นทุกใบ
6. ให้ธุรกิจนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับการประชุมกรรมการได้เพิ่มขึ้นอีกวิธีหนึ่ง นอกจากต้องมาประชุม ณ สถานที่นัดประชุมเท่านั้น
7. ยกเลิกการนำหนังสือเชิญประชุมไปลงประกาศในหนังสือพิมพ์ ยกเว้นในกรณีบริษัทจำกัดมีหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือที่ยังต้องโฆษณาในหนังสือพิมพ์ หรือในสื่ออิเล็กทรอนิกส์อยู่
8. ให้บริษัทจำกัดจ่ายเงินปันผลให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่ประชุมใหญ่ หรือกรรมการลงมติเพื่อคุ้มครองผู้ถือหุ้นรายย่อย
9. ปรับปรุงหลักการเกี่ยวกับการควบบริษัทจากเดิม ก + ข = ค เท่านั้น ต่อไปกำหนดให้บริษัทสามารถควบรวมกันได้ใน 2 ลักษณะ คือ
- ควบรวมบริษัทแล้วเกิดเป็นบริษัทใหม่ (ก + ข = ค)
- ควบรวมบริษัทแล้วเหลืออยู่บริษัทใดบริษัทหนึ่ง (ก + ข = ก หรือ ข)
เปรียบเทียบจดบริษัทเป็นนิติบุคคลรูปแบบอื่นๆ
การจัดตั้งบริษัทเป็นนิติบุคคล นอกจากรูปแบบ “บริษัทจำกัด” ที่มีการแก้กฎหมายแล้ว ยังมีรูปแบบอื่นที่ผู้ประกอบการนิยมจดทะเบียนเช่นกัน ซึ่งรูปแบบการจดนิติบุคคลทั้งเหมือนและแตกต่างกันในรายละเอียดพอสมควรดังนี้
1.บริษัทจำกัด
– ต้องมีผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป
– แบ่งทุนออกเป็นหุ้นละเท่าๆ กัน หุ้นจะต้องมีราคาไม่น้อยกว่าหุ้นละ 5 บาท ต่อ 1 หุ้น หรือรวมแล้วทุนขั้นต่ำ 10 บาท
– ผู้ถือหุ้นทุกคนจะรับผิดชอบในหนี้สินกิจการ เฉพาะในส่วนที่ต้องชำระเงินทุนตามค่าหุ้นที่ได้จดทะเบียนไว้เท่านั้น หากชำระครบแล้ว ผู้ถือหุ้นไม่ต้องรับผิดชอบในหนี้สินที่เกิดขึ้นในกิจการอีก
– บริหารงานโดยคณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้ง
2.ห้างหุ้นส่วนจำกัด
– ต้องมีผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันลงทุนและดำเนินกิจการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งผลกำไรที่ได้จากการดำเนินงาน
– ไม่มีกำหนดทุนขั้นต่ำ
– ผู้ถือหุ้นมี 2 แบบคือ
1) หุ้นส่วนประเภท “จำกัด” ความรับผิด คือรับผิดชอบตามเงินลงทุนของตนเองที่ลงในห้างหุ้นส่วนเท่านั้น โดยทุนที่นำมาลงทุนต้องเป็นเงินหรือทรัพย์สิน จะเป็นแรงงานไม่ได้ และจะไม่มีสิทธิ์เข้าจัดการงาน หรือตัดสินใจในกิจการของห้างหุ้นส่วน แต่มีสิทธิ์สอบถามการดำเนินงานของกิจการ ออกความเห็น และรับเป็นที่ปรึกษาได้
2) หุ้นส่วนประเภท “ไม่จำกัด” ความรับผิด คือรับผิดชอบหนี้สินร่วมกันทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห้างหุ้นส่วนโดยไม่จำกัดจำนวน ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ซึ่งกฎหมายกำหนดว่าจะต้องมีหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดชอบอย่างน้อย 1 คน ในห้างหุ้นส่วนจำกัด (หุ้นส่วนผู้จัดการจะต้องเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิด)
โดยหุ้นส่วนประเภทนี้มีสิทธิ์เข้าจัดการและตัดสินใจต่างๆ ในกิจการได้อย่างเต็มที่ และทุนที่นำมาลงทุนเป็นเงิน ทรัพย์สิน หรือแรงงานก็ได้
3.ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล
- ต้องมีผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป
- ไม่มีกำหนดทุนขั้นต่ำ
- ต้องร่วมกันรับผิดชอบหนี้สินของกิจการอย่างไม่จำกัด แต่หุ้นส่วนทุกคนมีสิทธิ์จัดการกับกิจการ และแบ่งปันกำไรจากกิจการได้
- ต้องใช้คำว่าห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ประกอบหน้าชื่อห้างเสมอ
- ต้องมีการระบุชื่อผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการไว้อย่างชัดเจน อาจมีคนเดียวหรือหลายคนได้ แต่หุ้นส่วนผู้จัดการจะเป็นผู้มีอำนาจลงนามผูกพันห้างหุ้นส่วน และทำธุรกรรมต่างๆ ในนามห้างหุ้นส่วนได้
เลือกจดทะเบียนนิติบุคคลให้เหมาะกับธุรกิจของตนเอง
จากข้อกำหนดการจดทะเบียนนิติบุคคลแต่ละรูปแบบ จะเห็นว่ามีความเหมือนและแตกต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อยพอสมควร ดังนั้น ผู้ประกอบการควรพิจารณาเลือกที่เหมาะกับรูปแบบธุรกิจของตนเอง
เช่น มีหุ้นส่วนกี่คน มีเงินทุนเท่าไร ต้องการเป็นหุ้นส่วนแบบไหน ลงทุนเป็นเงิน ทรัพย์สิน หรือแรงงาน และการมีอำนาจในการบริหารจัดการเป็นแบบไหน จะเป็นตัวช่วยในการพิจารณา ตัดสินใจจดบริษัทเป็นนิติบุคคลได้ง่ายขึ้น
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ ที่นี่