posttoday

การจัดการที่เกี่ยวกับภาษีธุรกิจโฮมสเตย์ SME

14 สิงหาคม 2567

ธุรกิจโฮมสเตย์ SME เป็นธุรกิจให้บริการที่พักอาศัยที่มีขนาดเล็กกว่าโรงแรมทั่วไป การปฏิบัติตามข้อกำหนดภาษีอย่างถูกต้องจะช่วยให้ธุรกิจโฮมสเตย์ SME ดำเนินงานได้อย่างราบรื่น

          ธุรกิจโฮมสเตย์ SME เป็นธุรกิจให้บริการที่พักอาศัยที่มีขนาดเล็กกว่าโรงแรมทั่วไป โดยมักจะมีลักษณะเป็นบ้านหลังเล็กๆ ในสถานที่ท่องเที่ยวตามจังหวัดหรือท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งหากมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการทางผู้ประกอบการก็จะมีรายได้ สิ่งที่ตามมาจะเป็นเรื่องของภาษีที่ผู้ประกอบการต้องเรียนรู้ตามกฎหมายที่กำหนด

          ดังนั้นการเสียภาษีในธุรกิจโฮมสเตย์ SME มักจะมีข้อกำหนดและเงื่อนไขที่แตกต่างกันตามกฎหมาย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมีขั้นตอนพื้นฐานที่ควรทราบเกี่ยวกับภาษีธุรกิจสำหรับโฮมสเตย์ SME สามารถอธิบายได้ดังนี้

ลักษณะธุรกิจโฮมสเตย์ SME ประกอบด้วยอะไรบ้าง

          1. ขนาดของธุรกิจโฮมสเตย์ SME ส่วนใหญ่เป็นกิจการขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งเจ้าของกิจการอาจบริหารจัดการเอง หรือเป็นการจัดการในรูปแบบระบบบริษัทก็สามารถทำได้

          2. ลักษณะของที่พักโฮมสเตย์จะเป็นบ้านหรือห้องพักที่ตกแต่งเป็นรูปแบบเดียวกับบ้านที่มีอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าพื้นฐาน เช่น ทีวี เครื่องปรับอากาศ อินเทอร์เน็ตไร้สาย และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ

          3. ลักษณะการบริการของธุรกิจโฮมสเตย์ SME มักให้บริการที่พักที่มีความสะดวกสบายเหมือนได้อยู่บ้านตัวเอง หรือปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า เช่น การให้บริการอาหารเช้า กิจกรรมท่องเที่ยวในพื้นที่ เป็นต้น

          4. การตลาดและการขาย ธุรกิจโฮมสเตย์ SME มักใช้แพลตฟอร์มการจองออนไลน์บ้านพัก เพื่อเป็นการ
โปรโมทและขายบริการให้แก่นักท่องเที่ยว

ภาษีธุรกิจโฮมสเตย์ SME มีอะไรบ้าง

          1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ธุรกิจโฮมสเตย์ที่ผู้ประกอบการเป็นบุคคลธรรมดา มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งเงินได้จากการประกอบกิจการถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายได้ตามความจำเป็นและสมควรได้ และมีค่าลดหย่อนอื่นๆ เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว คู่สมรส บุตร อุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา อุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพ เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา เบี้ยประกันชีวิต เงินสมทบกองทุนประกันสังคม เป็นต้น

          2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล ธุรกิจโฮมสเตย์ SME ที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งธุรกิจที่จดทะเบียนนิติบุคคลมีข้อได้เปรียบหลายประการเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการที่ไม่จดทะเบียน โดยเฉพาะในด้านกฎหมายและการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

          ทั้งนี้อัตราภาษีสำหรับธุรกิจโฮมสเตย์ SME นิติบุคคลที่มีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาทและทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท จะได้ยกเว้นภาษีกำไร 300,000 บาทแรก และเสียภาษีในอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล 15% สำหรับกำไรสุทธิที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท และ 20% สำหรับกำไรสุทธิที่เกิน 3 ล้านบาท

3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax: VAT) ธุรกิจโฮมสเตย์ SME ที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีเงินได้เกิน 1.8 ล้านบาท ที่กรมสรรพากร ซึ่งต้องมีการทำรายงาน รายการภาษีซื้อ ภาษีขาย สินค้าคงเหลือ และวัตถุดิบ พร้อมส่งแบบ ภ.พ.30 ยื่นรายงานแก่กรมสรรพากร ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป แม้ว่าเดือนนั้นๆ จะไม่มีการให้บริการก็ตาม

          4. ภาษีธุรกิจเฉพาะ สำหรับธุรกิจที่ให้เช่าหรือบริการที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น บริการให้เช่าที่พักระยะยาว อาจต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตรา 3% ของรายได้จากการเช่าหรือการให้บริการ โดยผู้ประกอบการต้องยื่นแบบ ภ.ธ.40 ภายในวันที่ 15 ของทุกเดือนถัดไปที่เกิดรายการที่เข้าข่ายต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ด้วยเหตุนี้ภาษีธุรกิจเฉพาะจึงเป็นภาษีของธุรกิจในกลุ่มที่กฎหมายกำหนด ไม่ว่าจะเป็นกิจการที่เสียภาษีรูปแบบบุคคลธรรมดา หรือรูปแบบนิติบุคคล ก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะทั้งสิ้น

          5. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย เป็นภาษีที่นิติบุคคลผู้จ่ายเงินต้องหักออกจากเงินได้ก่อนที่จะจ่ายให้แก่ผู้รับเงิน แล้วนำส่งกรมสรรพากร สำหรับธุรกิจโฮมสเตย์ SME การหักภาษี ณ ที่จ่ายมีความสำคัญและมีรายละเอียดดังนี้

ตัวอย่างประเภทของการจ่ายเงินและอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย

          1. ค่าบริการ เช่น ค่าทำความสะอาด ค่าซ่อมแซม ค่าติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% ของจำนวนเงินที่จ่าย

          2. ค่าจ้างงาน เช่น การจ้างงานก่อสร้าง การจ้างทำงานอื่นๆ ที่เป็นงานสัญญา อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% ของจำนวนเงินที่จ่าย

          3. ค่าเช่า เช่น ค่าเช่าที่ดินหรืออาคารสำหรับดำเนินธุรกิจ อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย 5% ของจำนวนเงินที่จ่าย

          ทั้งนี้การนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย นิติบุคคลผู้จ่ายเงินต้องนำส่งภาษีที่หักไว้ให้กรมสรรพากร โดยใช้แบบฟอร์มที่กำหนด และต้องนำส่งภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป

          6. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ธุรกิจที่มีการใช้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับการดำเนินธุรกิจต้องชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามอัตราที่กำหนด โดยอัตราภาษีขึ้นอยู่กับประเภทของการใช้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

          กล่าวโดยสรุป การปฏิบัติตามข้อกำหนดภาษีอย่างถูกต้องจะช่วยให้ธุรกิจโฮมสเตย์ SME ดำเนินงานได้อย่างราบรื่นและไม่มีปัญหาทางภาษีที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ทั้งนี้หากผู้ประกอบการมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการจัดการภาษี ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือที่ปรึกษาภาษีเพื่อให้แน่ใจว่าปฏิบัติตามกฎหมายภาษีได้อย่างถูกต้องจริงหรือไม่

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่  Inflow Accounting