posttoday

ฟ้าผ่าขุมกำลัง ทบ. ทหารเสือราชินีแซงโค้ง

27 กันยายน 2567

ในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 และ “ผู้บัญชาการ 3-4 กองพลหลัก” ที่เป็นขุมกำลังหลักของกองทัพบก เปลี่ยนแปลงชนิดที่หลายคนกระโดดโลดเต้น หลายคนกระอักเลือด เพราะ”พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ.” ที่เกษียณอายุ วางกลยุทธ์หมากล้อม-หมากรุก แบบคาดไม่ถึง

ฟ้าผ่าขุมกำลัง ทบ. ทหารเสือราชินีแซงโค้ง

การแต่งตั้งนายทหารปีนี้ ในระดับคุมกำลังของ”กองทัพบก” ถือว่าเกิดแผ่นดินไหวระดับ 6-7 ริกเตอร์เลยทีเดียว

หากโฟกัสเฉพาะในกองทัพภาคที่ 1 “บิ๊กต่อ” พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. "อดีตทหารเสือราชินี-อดีต ผบ.ร.21 รอ." โยกย้ายแบบเซอร์ไพรส์ทิ้งทวนก่อนเกษียณฯ

นักสืบเชอร์ล็อกได้ข้อมูลมาว่า การวางขุนพล “ทหารเสือรุ่นหนุ่ม”ไปแทนที่ ”ทหารสายบูรพาพยัคฆ์” ทำเอาบรรดานายท หารคอเขียว คอแดง อ้าปากค้างไปตามๆกัน

ในขุมกำลังหลัก 5 เสือ ทบ.ไม่มีพลิกอะไรมาก  พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เสธ.ทบ.ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. แบบม้วนเดียวจบ

ที่พลิกผันใน 5 วันสุดท้าย คือ “บิ๊กต้น-พล.อ.ณัฐวุฒิ นาคะนคร (ตท.24) ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก นายทหารหนึ่งเดียวจากรบพิเศษ ขึ้นมาเป็น รอง ผบ.ทบ. สลับกันกับ “บิ๊กช้าง-พล.อ.เอกรัตน์ ช้างแก้ว (ตท.23) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบกที่สลับดอกขึ้นเป็น ประธานคณะที่ปรึกษา ทบ.  

3 เสือ ที่เหลือไม่พลิกโผ 1.“บิ๊กชาย-พล.อ.วสุ เจียมสุข (ตท.25) รองผู้อำนวยการสำนักงานปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงภายในกองทัพบก นายทหารคนสนิท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ขยับขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ.

2.”บิ๊กรุ่ง-พล.ท.ชิษณุพงษ์ รอดศิริ (ตท.26) แม่ทัพภาคที่1 นายทหารเพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กปู” ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ.

3.”บิ๊กธง-พล.ท.ธงชัย รอดย้อย (ตท.25) รองเสนาธิการทหารบก ( รองเสธ.ทบ.) ขยับขึ้นเป็น เสธ.ทบ.เป็นมือทำงานให้ บิ๊กปู-ผบ.ทบ.

แต่ในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 และ “ผู้บัญชาการ 3-4 กองพลหลัก” ที่เป็นขุมกำลังหลักของกองทัพบก เปลี่ยนแปลงชนิดที่หลายคนกระโดดโลดเต้น หลายคนกระอักเลือด เพราะ”พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ.” ที่เกษียณอายุ วางกลยุทธ์หมากล้อม-หมากรุก แบบคาดไม่ถึง...ตามนักสืบมา

บรรไดขั้นแรก แต่งตั้ง “บิ๊กใหญ่” พล.ท.อมฤต บุญสุยา (ตท.27) ขยับจากแม่ทัพน้อยที่ 1 ขึ้นเป็น “แม่ทัพภาคที่ 1” เข้าแถวจ่อคิวขึ้นเป็น 5 เสือ ทบ.ในระยะเวลาอันใกล้ 1-2 ปีข้างหน้าแน่นอน

พล.ท.อมฤต บุญสุยา

เพราะในบรรดาขาใหญ่ 5 เสือ ทบ.นั้น หากไม่นับ “พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์” ผบ.ทบ.ที่อายุราชการยาวไปถึงปี 2570แล้ว 4 เสือที่เหลือ “พล.อ.ณัฐวุฒิ นาคะนคร (ตท.24) รอง ผบ.ทบ.-‘บิ๊กชาย’ พล.อ.วสุ เจียมสุข (ตท.25) ผช.ผบ.ทบ.-‘บิ๊กรุ่ง’ พล.ท.ชิษณุพงษ์ รอดศิริ (ตท.26) ผช.ผบ.ทบ.-‘บิ๊กธง’ พล.ท.ธงชัย รอดย้อย (ตท.25) เสธ.ทบ.”ล้วนเกษียณอายุราชการ ปี 68-69 ทั้งสิ้น

“บิ๊กใหญ่” พล.ท.อมฤต จึงเป็นหัวขบวนนายทหารเสือราชินีคอแดง ตท.27 คนเดียวที่โดดเด่น อายุราชการยาวไกลไปถึงปี 2572

“บิ๊กใหญ่” พล.ท.อมฤต นับเป็นนายทหารที่เติบโตมาจาก “ร.21 รอ.” เป็นอดีตผู้การกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ. เป็น “ทหารเสือราชินี” ตัวตึงและโดดเด่น เคยเป็นหัวหน้ารักษาความปลอดภัยให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วงเป็นนายกรัฐมนตรี และเคยเป็น “อดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล. ร 2 รอ.)  

ตามรอย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตผู้การ ร.21 รอ.-ผบ.พล. ร 2 รอ.-แม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ.ที่เป็นนายทหารเสือราชินี-บูรพาพยัคฆ์ เหมือนกันเป๊ะ

บรรไดที่สอง ขยับ “บิ๊กไก่” พล.ต.วรยส เหลืองสุวรรณ (แกนนำรุ่น ตท.28) จากรอง มทภ.1 ขึ้นเป็น “แม่ทัพน้อยที่ 1”  ขยับชั้นอัตรา “พล.ท.” จะเกษียณปี 2571 บิ๊กไก่เป็นนายทหารที่เติบโตมาจาก กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ร.12 รอ.) หน่วยทหารอยู่ภายใต้ พล.ร.2 รอ. ถือว่าสายบูรพาพยัคฆ์ แต่มาขึ้นชั้นเป็น”ผู้บังคับกองพล”ที่ “พล.1 รอ.”

พล.ต.วรยส เหลืองสุวรรณ

บรรไดที่สาม สร้างทีมนายทหาร ตท.28 ล้อมกองทัพภาคที่ 1 ไว้ให้แข่งกันแบบหายใจรดต้นคอ

คนแรก “บิ๊กกอล์ฟ” พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์” รองแม่ทัพภาคที่ 1 อดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 (ผบ.พล.ร.2 รอ.) ที่มีอายุราชการยาวไปถึงปี 2573 ในมางทหารเขาว่า “เข้าไลน์รอคิว”

พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์

เขาว่ากันว่า”แบ็คอัพ” บิ๊กกอล์ฟ-พล.ต.สราวุธนั้นไม่ธรรมดา  วันที่ 10 มีนาคม 2566 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม  ได้จัดวางไว้ด้วยการขยับ  “บิ๊กกอล์ฟ” พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ (ตท.28) ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 (ผบ.พล.ร.2 รอ.) ขึ้นมาเป็น “รองแม่ทัพภาคที่ 1” แทน พล.ต.ไกรภพ ไชยพันธุ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ที่เป็นผู้บัญชาการโรงเรียนนายน้อยพระจุลจอมเกล้า (ผบ.รร.จปร.)

บิ๊กกอล์ฟถือเป็นสตาร์ของรุ่น ตท.28 เช่นเดียวกับ “พล.ต.วรยส” ตอนที่บิ๊กกอล์ฟเป็น ผบ.มทบ.11 เขาเป็น “ทหารคอเขียว”พอขยับเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. ซึ่งเป็นหน่วยทหารคอแดง จึงได้ไปฝึกหลักสูตรพิเศษทหารคอแดง จึงกลายเป็นทหารคอแดงจบหลักสูตร 3 เดือนปุ๊บ ก็ขยับขึ้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 ปั๊บ  

เขาถูกจับตามองว่า จะเดินรอยตาม พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ และ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ที่เข้าสู่เส้นทาง “คอแดงฟาสต์แทร็ก” ของการขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ต่อมาก็ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. อีกคนหนึ่งหรือไม่

ผู้คนในรั้วสีเขียว จึงจับตามอง พล.ต.สราวุธ เพราะเห็นว่านี่คือ “การขึงคน ตรึงตำแหน่งไว้” และปี 2567 ก็ไม่ขยับจากรองแม่ทัพภาคที่1 จึงมีอาวุโสทั้งเรื่องตำแหน่งและมีอายุยาวกว่าเพื่อนร่วมรุ่น ตท.28

คนที่สอง “บิ๊กแอ้ม” พล.ต.ณัฐเดช จันทรางศุ” (ตท.28) ขยับขึ้นมาจากรองแม่ทัพน้อยที่ 1 ฟื้นคืนชีพ มาเป็น “รอง มทภ.1”  อยู่ในไลน์ มีสิทธิชิง “แม่ทัพภาค 1 - แม่ทัพน้อย 1” เกษียณฯ ปี 2572

คนที่สาม “บิ๊กมด” พล.ต.อาจิณ ปัทมจิตร อดีตผบ.พล.ม.2 รอ ที่ขยับมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่งจะเกษียณปี 2571

นายทหาร ตท.รุ่น 28 ทั้ง 4 คนนี้แหละ “บิ๊กไก่-บิ๊กกอล์ฟ-บิ๊กแอ้ม-บิ๊กมด” จะเบียดชิงเก้าอี้ “แม่ทัพภาคที่ 1” กันแบบมันหยดติ๋งๆ ใน 1-2 ปีข้างหน้าแบบ ไม่ต้องมีม้าตัวอื่นแทรก

ทำไมถึงไม่มีม้าตัวอื่นมาเป็นธาตุแทรก รุ่น ตท.28 ในกองทัพภาคที่ 1 ก็เพราะ “พล.อ.เจริญชัย ผบ.ทบ.ที่จะเกษียณ ได้ตัดสินใจโยกนายทหารคุมกำลังรบสายหลักในเมืองหลวงออกไป “นั่งอ่านตำรากันหมด”แบบยกชุด และถือเป็นประวัติศาสตร์ในการถอนฟืนออกจากไฟ

คนแรกโยก “ผบ.ลาภ-พล.ต.สิทธิพร จุลปานะ” (แกนนำรุ่น ตท.30) ที่เป็น ผบ.พล.1 รอ. ขุมกำลังหลักของนายทหารนักรบมา 1 ปี เขาเติบโตมาจาก พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี จบจาก ร.ร.วชิราวุธวิทยาลัย พ้นไลน์คอมแมนหลักไปเป็น “รองแม่ทัพน้อยที่ 1” เกษียณปี 2572

คนที่สอง โยก “ผบ.โอ่ง-พล.ต.เอกอนันต์ เหมะบุตร (ตท.30) ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 11 (ผบ.พล.ร.11) ที่นั่งเก้าอี้นี้มาตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565 และถือว่า เป็นนายทหาร ตท.30 ที่ขึ้นเป็นนายพลในตำแหน่งหลักคนแรก ถือเป็น ผบ.พล. ที่หนุ่มที่สุดคนแรกของรุ่น แต่ตอนนี้ถูกโยกย้ายออกไปเป็น “รอง ผบ.รร.นายร้อย จปร.”

คนที่สาม โยก พล.ต.เทพพิทักษ์ นิมิตร (ตท.31)  ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ร.2 รอ.) ที่ถือว่าเป็นขุมกำลังหลัก ออกไปเป็น “รอง ผบ.รร.นายร้อย จปร.” เรียกว่า “โยกนักรบไปกางตำรา” ล้มขนบของผู้คุมกำลังหลัก

คนที่สี่ โยก พล.ต.วุทธยา จันทมาศ (ตท.28) ผบ.พล.ร.9 ไปเป็น “รองเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.”

คนที่ห้า โยก “พล.ต.โกญจนาท ธูปเทียนรัตน์” (ตท.29) อดีตผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร ที่ขยับขึ้นมาเป็น “ผบ.พล.ม.2 รอ.” ถูกโยกไปเป็น “รองเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.”

จากนั้นก็ตั้งกลุ่ม”ทหารรุ่นนายพลหนุ่ม” ขึ้นมาคุมกำลังหลักแบบวางคนมาคั่นกลางสายแข็ง

ตั้ง พล.ต.ศรัณย์ รอดบุญธรรม (ตท.30) จากเสนาธิการ กองทัพภาคที่ 1 ไปนั่งคุมกำลังรบเป็น “ผบ.พล.ม.2 รอ.”

ตั้ง “ผบ.กิ๊ฟ-พ.อ.อัษฎาวุธ ปันยารชุน (ตท.29) จาก รอง ผบ.พล.ร.9 ขึ้นเป็น ผู้บัญชาการกองพลหาราบที่ 9 (อัตรา พลตรี) ผบ.กิ๊ฟ เติบโตจาก ร.29 - พล.ร.9  จ.กาญจนบุรี เป็นนายทหารสาย “บิ๊กบี้-พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ อดีต ผบ.ทบ.

แต่ที่เรียกว่าฮือฮาที่สุดในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารสายคุมกำลังหลักของกองทัพภาคที่ 1 คือ การตั้ง 3 ทหารเสือราชินี ที่เติบโตมาจาก “ร.21 รอ.” มาคุม 3 กองพลรบหลัก แบบยกแผงในกองทัพบก

ตั้ง พ.อ.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา (ตท.32) รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. นายทหารเสือราชินี สายบูรพาพยัคฆ์ ขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. (อัตราพลตรี)เกษียณอายุยาวถึงปี 2575

ตั้ง พ.อ.กิตติ ประพิตรไพศาล (ตท.31) จาก รอง ผบ.พล.2 รอ. นายทหารเสือราชินี สายบูรพาพยัคฆ์ ข้ามขึ้นมาเป็น “ผบ.พล.1 รอ.”เกษียณปี 2574

ตั้ง พ.อ.ยุทธนา มีเจริญ (ตท.30) “รอง ผบ.พล.ร.11” ทหารเสือราชินี ขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.11 (กองพลสไตรเกอร์ ที่บิ๊กแดง-พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ปลุกบั้นขึ้นมาเป็นหน่วยรบเคลื่อนที่เร็ว) เกษียณยาวปี 2574

“เบญจพล-กิตติ-ยุทธนา” ล้วนเป็นนายทหารที่เติบโตมาจากกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง (ร.21 รอ.) เป็นหน่วยทหารรักษาพระองค์ เหล่าทหารราบ ที่ขึ้นตรงต่อกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ กองทัพภาคที่ 1

ที่สำคัญและเป็นธรรมเนียมของกองทัพบกแล้ว นักสืบเชอร์ล็อคได้ข้อมูลมาว่า ใครก้าวขึ้นมาเป็น “ผู้บัญชาการ” ขุมกำลังใน 3 หน่วยเหล่านี้ เสมือนเป็นการปูทางขึ้น “รองแม่ทัพภาคที่ 1” หรือ รองแม่ทัพน้อยที่ 1 เข้าคิวเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 กันแทบทั้งสิ้น 3 ทหารเสือราชินีกลุ่มนี้คือซุปเปอร์สตาร์รุ่นต่อไป

ยกเว้น “พล.ต.โกญจนาท ธูปเทียนรัตน์ (ตท.29)-พล.ต.เทพพิทักษ์ นิมิตร (ตท.31) -พล.ต.เอกอนันต์ เหมะบุตร (ตท.30)-พล.ต.สิทธิพร จุลปานะ (ตท.30)” ที่ถูกเด้งฟ้าผ่ารอบนี้ ให้นายทหารที่คุมกำลังรบหลักไปกางตำราพิชัยสงคราม แบบเซอร์ไพรส์

เห็นการจัดวางคนคุมกำลังเหล่าทัพรอบนี้ รู้ได้เลยว่า “ม้าตัวไหนคือตัวเต็ง” ที่จะก้าวขึ้นเป็นเสาค้ำยันกองทัพบกหาก พล.อ.พนา เกษียณอายุราชการลงในปี 2570

ฟ้าผ่าขุมกำลัง ทบ. ทหารเสือราชินีแซงโค้ง