posttoday

“คดีหุ้น MORE” พิศดาร “อัยการ” ไม่ฟ้อง “พรประภา”

25 ตุลาคม 2567

มังกรทองปีนี้ ไม่รู้เหตุอาเพศใด องค์กรใหญ่ที่เป็นเสาค้ำยันระบบราชการเมืองไทย ล้วนแล้วต้องพานพบกับมลทิน และความหม่นหมองแทบทั้งสิ้น

KEY

POINTS

  • กระฉ่อนไปทั่วรัชดาภิเษก ยันคุ้งน้ำเจ้าพระยา กับการที่ “สำนักงานอัยการสูงสุด” มีคำสั่งไม่ฟ้อง 8 ผู้ต้องหา ในคดีปล้นโบรกเกอร์กลางแดดหุ้น MORE 4,500 ล้านบาท 
  • มีการร้องทุกข์กล่าวโทษกลุ่มบุคคลที่ร่วมขบวนการ “ฉ้อโกง-ปั่นหุ้น-ฟอกเงิน” ทั้งหมด 42 ราย
  • ใน 8 ราย ที่หลุดรอดในมืออัยการคดีพิเศษ ที่เป็นผู้มีชื่อเสียงในสังคมเมืองหลวงมีแค่ 3 รายที่น่าสนใจ 1.เสี่ยคิม-อธิภัทร พรประภา ราชารถหรู 2.นางอรพินธุ์ พรประภา 3.นายปภิณวิช รอดบางยาง ลูกชายนายตำรวจชื่อดัง 
  • เกี่ยวพันกับคดีบ่อนพนันออนไลน์ของ “บอสตาล-บอสต้น” แห่งสโมสรฟุตบอลลำพูนเวอริเออร์ และสโมสรพิษณุโลกเอฟซี

“คดีหุ้น MORE” พิศดาร “อัยการ” ไม่ฟ้อง “พรประภา”

มังกรทองปีนี้ ไม่รู้เหตุอาเพศใด องค์กรใหญ่ที่เป็นเสาค้ำยันระบบราชการเมืองไทย ล้วนแล้วต้องพานพบกับมลทิน และความหม่นหมองแทบทั้งสิ้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานที่ทำหน้าที่ “พิทักษ์-สันติ-แห่งราษฎร์” เจอไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญจนยับเยิน จนปัจจุบัน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร ผบ.ตร. ต้องออกแรงฟื้นฟูบูรณะศรัทธาองค์กรขึ้นมาใหม่

ปปช.เสาหลักในต่อสู้กับการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน  “ผู้บริหารระดับสูง-กรรมการ ปปช.” กลับแปลงกายเป็นนักวิ่งอิงแอบกับอำนาจแบบไม่ละอาย

กสทช.องค์กรหลักที่ดูแลคลื่นความถี่อันเป็นทรัพย์สมบัติหลายแสนล้านของประเทศ ผ่านมา 3 ปี “ผู้บริหาร-กรรมการ กสทช.” ฟ้องร้องคดีกันถี่ยิบจนทำงานไม่ได้

ซ้ำร้าย “ปธ.บอร์ด-ผู้บริหาร” ยังแอบออกคำสั่งต่ออายุการทำงานให้แก่กันในฐานะพนักงานประจำไปจนถึงเกษียณอายุราชการ แบบว่า...ใครเห็นก็งุนงง อ้าปากค้าง!!!

“หนังสือลงวันที่ 7 ต.ค. 2567 ให้มีผลการดำรงตำแหน่งต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2568 เป็นต้นไป หลังหมดวาระ”แจ่มมั้ยละเจ้านาย?

รัฐสภาไทยยิ่งเสื่อมถอยศรัทธา เมื่อนักการเมืองผู้อาสามาทำหน้าที่ออกกฎหมาย ควบคุมการบริหาร กลายเป็นคนหนีคดีในกระบวนการยุติธรรมจนลากพาบ้านเมืองเข้าสู่วิกฤต

ส.ส.บางคนเป็นเจ้าของบ่อนพนันออนไลน์ตัวฉกาจเข้าไปพัวพันกับขบวนการสีเทา ฟอกเงินที่รู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองแต่ไม่มีใครทำอะไรได้เพราะ อำนาจเงินบังตา บางคนใช้ตำแหน่งในเวทีรัฐสภาไปตบทรัพย์ชาวบ้านหาเงินเข้าพกเข้าห่อ

ทำเนียบรัฐบาลอันเป็นศูนย์กลางอำนาจของประเทศ ดันมี “เทวดา” คอยรับของบวงสรวง เพื่อให้งานหลอกลวงต้มตุ๋นผู้คนสำเร็จกิจลุล่วง

ที่กระฉ่อนไปทั่วรัชดาภิเษก คุ้งน้ำเจ้าพระยา ยาวตลอดขึ้นไปถึงแม่น้ำท่าจีน โขง ชี มูล และสะท้านสะเทือนไปทั้งแม่น้ำตาปี ที่ภาคใต้ ไม่มีประเด็นไหนเทียบเท่ากับการที่ “สำนักงานอัยการสูงสุด” มีคำสั่งไม่ฟ้อง 8 ผู้ต้องหา ในคดีปล้นโบรกเกอร์กลางแดดหุ้น MORE 4,500 ล้านบาท ซึ่งมีการร้องทุกข์กล่าวโทษกลุ่มบุคคลที่ร่วมขบวนการ “ฉ้อโกง-ปั่นหุ้น-ฟอกเงิน” ทั้งหมด 42 ราย

ป้องปากซุบซิบกันไปทั่วตลาดหุ้น จนเข้าหูนักสืบเชอร์ล็อกว่า คดีนี้มี “อัยการกินตับ” ปล่อย “ผู้ต้องหาหลุดไป 8 ราย” ในห้วงวาระสุดท้ายของราชการ ล้วนแล้วเป็นการตัวใหญ่ใน “ตระกูลพรประภา” ที่สนิทชิดเชื้อกับมือปฏิบัติการ “ปิงปอง-อภิมุข บำรุงวงศ์” มือดีที่มีคำสั่งซื้อหุ้นปริศนา MORE ในช่วงราคาเปิด (ATO) กว่า 1,500 ล้านหุ้น มูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท ที่ราคาหุ้นละ 2.9 บาท ผ่านโบรกเกอร์กว่า 10 แห่ง...

โดยมีขบวนการปั่นหุ้นดันราคากันอย่างครึกครื้นของบรรดาขาใหญ่ ที่เป็น “MAKER” เครือข่าย ก่อนปล่อยร่วงสนิทติดฟลอร์...

ข้อมูลที่นักสืบเชอร์ล็อกสืบค้นมา “8 ผู้ต้องหาที่หลุดลอยไปชั้นอัยการ” ประกอบด้วย “เสี่ยคิม-อธิภัทร พรประภา” ผู้ต้องหาคนที่ 3 “นางอรพินธุ์ พรประภา” ผู้ต้องหาที่ 4 นายอิทธิวรรธน์ วรรณะเอี่ยมพิกุล ผู้ต้องหาที่ 5 นายชูโบดีบ พลาซันต้า ดัส (Mr.Shubhodeep Prasanta Das) ผู้ต้องหาที่ 11 นายเกรียงศักดิ์ วงศ์โอสถพานิช หรือ นายฐนวัฒน์ รุ่งสิริประเสริฐ ผู้ต้องหาที่ 20 นายพิเชษฐ์ ผลสุวรรณชัย ผู้ต้องหาที่ 31 นายไพศาล เกษมศิรินาวิน ผู้ต้องหาที่ 34 นายปภิณวิช รอดบางยาง ผู้ต้องหาที่ 36 และนายพรเดช อุยะนันทน์ ผู้ต้องหาที่ 41

ใน 8 ราย ที่หลุดรอดในมืออัยการคดีพิเศษ ที่เป็นผู้มีชื่อเสียงในสังคมเมืองหลวงมีแค่ 3 รายที่น่าสนใจ 1.เสี่ยคิม-อธิภัทร พรประภา ราชารถหรู 2.นางอรพินธุ์ พรประภา 3.นายปภิณวิช รอดบางยาง ลูกชายนายตำรวจชื่อดัง ซึ่งเกี่ยวพันกับคดีบ่อนพนันออนไลน์ของ “บอสตาล-บอสต้น” แห่งสโมสรฟุตบอลลำพูนเวอริเออร์ และสโมสรพิษณุโลกเอฟซี

แต่น้องชายเสี่ยคิม ที่ชื่อ “เอกภัทร พรประภา” ยังติดร่างแหในคดีนี้ เหตุเพราะเอาเอกสารและบัญชีของ พี่ชาย และมารดา ไปหาเงินกับขบวนการสร้างราคาหุ้น MORE

จากประสบการณ์และการสืบสวนของนักสืบเชอร์ล็อก...ไม่น่าเชื่อว่า จะมี “อัยการ” คนไหนกล้ากินตับในคดีหุ้น MORE ที่ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์การฉ้อโกงอย่างโจ๋งครึ่มในตลาดหุ้นของไทยในระยะ 30 ปี

หนึ่ง คดีหุ้น MORE เป็นคดีใหญ่ สาธารณชนให้ความสนใจ และพฤติกรรมการฉ้อโกงโบรกเกอร์ 4,500 ล้านบาท โดยการโยนคำสั่งซื้อขายหุ้น MORE ในลักษณะอำพราง เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ถือเป็นปฏิบัติการที่เย้ยกฎหมายอย่างโจ่งแจ้ง ทุกหน่วยงานประสานความร่วมมือสอบสวน อายัดทรัพย์อย่างรวดเร็ว จนนำไปสู่การกล่าวโทษแก๊งปั่นหุ้น MORE ที่รวดเร็วมาก

สอง คดีหุ้น MORE นั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยกองคดีการเงินธนาคารและการฟอกเงิน และ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง –ก.ล.ต.-ปปง. ทำงานร่วมกันเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวน จากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เข้ามาร่วมสอบสวน ตามมาตรา 33 แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ

ดังนั้น การที่ใครจะ “หาเศษ หาเลย” กับคดีปั่นหุ้น MORE นี้ จักต้องมีความกล้าหาญชาญชัยเป็นกรณีพิเศษ ประเภท “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ซึ่งคนประเภทนี้ ไม่น่าจะมีในหมู่อัยการแน่นอน

สาม คดีนี้ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ทางตลาดเงิน ตลาดทุนของประเทศ ที่อยู่ในการดูแลเป็นกรณีพิเศษของอดีตอัยการสูงสุด คนที่ 18  “อำนาจ เจตน์เจริญรักษ์” ผู้ซึ่งได้รับความน่าเชื่อถือและประกาศเจตนารมณ์ว่าจะสร้างศรัทธาให้กับองค์กรอัยการในบั้นปลายชีวิต

วิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์

ที่สำคัญกว่านั้น คดีนี้ “วิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์” อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ผู้ซึ่งขึ้นชื่อลือชาในการสั่งฟ้องคดี ไม่ฟ้องคดีของอัยการ มีคำสั่งแต่งตั้ง “7 อรหันต์ในคดีพิเศษ” ขึ้นมาเป็นคณะทำงานพิจารณาคดี

1.นิรันดร์ นันตาลิต อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 3 เป็น หัวหน้าคณะทำงาน 2.นราธิป ธารากรสันติ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นรองหัวหน้าคณะทำงาน 3.ณัฏฐ์ศาสน์ สิทธิชัย อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ  4.เทพประทานพร ทองคลัง อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด 5.ศุภเศรษฐ์ คงแข็ง อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นคณะทำงานเเละเจ้าขอสำนวนร่วม 6.พงศ์ธรย์ ศิริรัตน์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นเจ้าของสำนวน  7.สมุทร ลีพชรสกุล อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นที่ปรึกษาหัวหน้าคณะทำงาน…แค่เห็นชื่อ ก็รู้เครดิต!!

สายลับจากอัยการคดีพิเศษ ส่งซิกมาให้เชอร์ล็อกรับรู้ว่า ในจำนวน 42 ผู้ต้องหาของคดีนี้มีผู้เกี่ยวพัน 3 ระดับ 1.ตัวการและกลุ่มใกล้ชิดปิงปอง 2.กลุ่มปั่นหุ้นสร้างราคาและ Maker 3.กลุ่มนักเล่นหุ้นตัวเล็กแถว 3 ที่เข้าไปเกี่ยวพันดันราคา

8 ราย ที่หลุดในมืออัยการคดีพิเศษ ล้วนแต่เป็นแถว 3 ที่ถูกคนแถว 1 แถว 2 เอาบัญชีไปใช้ซื้อขายหุ้น สร้างราคาหุ้น MORE

ไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ

อย่างไรก็ตาม คดีนี้ยังต้องรอลุ้นการวินิจฉัยของ นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ อัยการสูงสุด ที่มีอายุราชการ 1 ปีพิจารณาตัดสิน เพราะทาง พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ได้ทำความเห็นแย้งเพื่อยืนยันความเห็น “สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 42 ราย” ต่ออัยการสูงสุด ซึ่งตามขั้นตอนแล้ว สำนักงานชี้ขาดคดี จะทำความเห็นและส่งให้ อัยการสูงสุด มีความเห็น ว่า “สั่งฟ้องหรือไม่” ต่อไป

อันว่าความเห็นแย้งของอธิบดี ดีเอสไอที่ยื่นต่ออัยการสูงสุดนั้น ให้ความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 42 ราย ไม่ว่าตัวใหญ่ตัวเล็ก

เพราะคดีนี้มีความผิดหนักหน่วง 3 ข้อหาใหญ่! 

อภิมุข บำรุงวงศ์

1.นายอภิมุข บำรุงวงศ์ กับพวกรวม 42 คน ร่วมกันกระทำการสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ของบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) มีลักษณะต่อเนื่องกันโดยมุ่งหมายให้ราคาหลักทรัพย์หรือปริมาณการซื้อขาย หลักทรัพย์นั้นผิดไปจากสภาพปกติของตลาด

2.นายอภิมุข บำรุงวงศ์ กับพวกรวม 42 คน ร่วมกันกระทำการร่วมกันฉ้อโกง, เป็นอั้งยี่และช่องโจร ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 244/3/และมาตรา 244/5ประกอบ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341ประกอบ มาตรา 83 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209และมาตรา 210

3.นายอภิมุข บำรุงวงศ์ กับพวกรวม 42 คน การกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฯที่มีมูลค่าทรัพย์สินไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท

จากนี้ไปรอลุ้นว่า “อัยการไผ่-ไพรัช” อัยการสูงสุดคนใหม่ ผู้สุขุมนุ่มลึก จะผ่าทางตันในคดีประวัติศาสตร์อย่างไร...ระทึกในฤทัยผู้คนใน “องค์กรอัยการ-ตลาดหุ้น” อย่างยิ่ง

“คดีหุ้น MORE” พิศดาร “อัยการ” ไม่ฟ้อง “พรประภา”