ภาษีธุรกิจ SME ประเภทไหน ถ้าไม่จ่ายต้องโดนปรับล่าช้า
ธุรกิจ SME ต้องสำรองเงินเพื่อจ่ายภาษีอย่างเคร่งครัด หากจ่ายล่าช้าหรือผิดพลาด อาจเจอเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม
ในวงการธุรกิจ SME ทุกๆ บริษัทจะต้องสำรองเงินไว้สำหรับการจ่ายภาษี และถ้าหากเสียภาษีอย่างถูกต้องแต่กลับยังมีข้อผิดพลาดได้นั้น ขั้นตอนต่อไปให้เจ้าของธุรกิจพิจารณาดูว่าสิ่งที่ผิดพลาดนั้นเกิดจากอะไร ซึ่งภาษี SME คือเรื่องที่ต้องรู้และไม่ควรมองข้าม
ทั้งนี้การจ่ายภาษีสำหรับ SME ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีกฎหมายและกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะภาษีที่ชำระผิดพลาดอาจทำให้บริษัทต้องเผชิญกับการย้อนหลัง เงินเพิ่ม และค่าปรับที่สูงมาก แล้วภาษี SME ประเภทไหนบ้าง ที่ธุรกิจ SME ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ลองมาติดตามอ่านได้ในบทความที่จะนำเสนอดังต่อไปนี้
ความแตกต่างตามลักษณะของเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และค่าปรับในทางภาษี
1.เบี้ยปรับ (Surcharge) เป็นเงินที่เรียกเก็บจากผู้เสียภาษีเมื่อไม่ปฏิบัติตามกฎหมายภาษี เช่น ยื่นแบบฟอร์มช้าหรือชำระภาษีล่าช้า โดยจะมีการกำหนดอัตราเบี้ยปรับตามระยะเวลาที่ล่าช้า เบี้ยปรับมักมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ผู้เสียภาษีปฏิบัติตามกฎหมายภาษีอย่างถูกต้องและตรงเวลา
2.เงินเพิ่ม (Additional Tax) เป็นเงินที่ต้องชำระเพิ่มจากภาษีที่ค้างชำระหรือตามผลการตรวจสอบจากหน่วยงานภาษี ซึ่งอาจเกิดจากการประเมินภาษีที่ต่ำกว่าความเป็นจริง เงินเพิ่มนี้มักมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เสียภาษีชำระภาษีในระดับที่ถูกต้องตามกฎหมาย
3.ค่าปรับทางอาญา (Criminal Penalty) เป็นการลงโทษที่เกิดขึ้นจากการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการเสียภาษี เช่น การหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี หรือการยื่นข้อมูลที่เป็นเท็จ ค่าปรับทางอาญามักมีโทษที่รุนแรงกว่าเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่ม และสามารถรวมถึงมีโทษจำคุกได้
ค่าเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ขึ้นอยู่กับภาษี SME แต่ละประเภท
ค่าเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ที่เกี่ยวกับภาษี SME มีหลายประเภท ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของภาษีที่เจ้าของธุรกิจต้องชำระ สามารถอธิบายได้ดังนี้
1.ภาษีหัก ณ ที่จ่าย จะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันไปตามประเภทของภาษีและระเบียบของกรมสรรพากร ดังนี้
- กรณีไม่ส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย อาจมีการปรับตามจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระ หากไม่ชำระภายในกำหนดเวลา จะต้องจ่ายเงินเพิ่มด้วย
- อัตราเบี้ยปรับ โดยทั่วไปอาจอยู่ที่ 1.5% ต่อเดือน
- อัตราเงินเพิ่ม 1.5% ของยอดภาษีที่ค้างชำระต่อเดือน โดยมีการคิดจากวันที่ครบกำหนดจนถึงวันที่ชำระ
2.ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หากชำระภาษีล่าช้าไม่เกิน 7 วัน จะถูกปรับ 100 บาท แต่หากล่าช้าเกิน 7 วัน จะถูกปรับ 200 บาท ทั้งนี้อาจมีค่าเบี้ยปรับประมาณ 1.5% ของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระในแต่ละเดือน หรือเศษของเดือน
3.ภาษีเงินได้นิติบุคคล ค่าเบี้ยปรับและเงินเพิ่มสำหรับภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทยมีหลายประเภทที่อาจเกิดขึ้นหากมีการละเมิดกฎระเบียบหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดทางภาษี โดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลักๆ ได้ดังนี้
- หากบริษัทไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีภายในระยะเวลาที่กำหนด จะมีการเรียกเก็บเบี้ยปรับตามจำนวนวันที่ล่าช้า คือ ยื่นแบบล่าช้าไม่เกิน 7 วัน จะถูกปรับ 1,000 บาท และยื่นแบบล่าช้าเกิน 7 วัน จะถูกปรับ 2,000 บาท โดยเบี้ยปรับนี้จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากจำนวนภาษีที่ต้องชำระ
- หากการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน อาจมีการเรียกเก็บเบี้ยปรับตามข้อกำหนดที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
- หากบริษัทไม่ชำระภาษีภายในกำหนด จะมีการเรียกเก็บเงินเพิ่ม ซึ่งคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดภาษีที่ค้างชำระ
- หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่สรรพากร อาจมีการเรียกเก็บเงินเพิ่มตามที่กฎหมายกำหนด
4.ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หากไม่ชำระภาษีมูลค่าเพิ่มตามกำหนด คือ ยื่นแบบล่าช้าไม่เกิน 7 วัน จะถูกปรับ 300 บาท ยื่นแบบล่าช้าเกิน 7 วัน จะถูกปรับ 500 บาท อาจมีค่าเบี้ยปรับเช่นเดียวกับภาษีเงินได้ คือประมาณ 1.5% ของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระ
กล่าวโดยสรุป เบี้ยปรับและเงินเพิ่มเป็นการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้เสียภาษีปฏิบัติตามกฎหมาย ขณะที่ค่าปรับทางอาญาเป็นการลงโทษสำหรับการกระทำผิดที่มีเจตนาในการหลีกเลี่ยงภาษี
ทั้งนี้การคำนวณและจำนวนของเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามการปรับปรุงกฎหมายและประกาศของกรมสรรพากร ดังนั้นควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากแหล่งที่เชื่อถือได้หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อความถูกต้องในการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ Inflow Accounting