posttoday

เปิดร้านเล็กๆ ซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กับเคล็ดลับภาษีที่เจ้าของควรรู้

22 มกราคม 2568

ร้านซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ช่วยลดต้นทุนและขยะ เจ้าของธุรกิจควรรู้เรื่องภาษี วางแผนและจัดการบัญชีอย่างเป็นระบบ เพื่อดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงและถูกกฎหมาย

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญต่อทุกธุรกิจ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จึงเป็นหัวใจหลักที่ช่วยให้กระบวนการทำงานดำเนินไปอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์เครือข่าย รวมถึงโทรศัพท์มือถือ หากอุปกรณ์เหล่านี้เกิดความเสียหาย ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SME) รวมถึงขนาดใหญ่อาจต้องเผชิญกับความล่าช้าหรือหยุดชะงักที่อาจจะกระทบต่อรายได้

ดังนั้นการซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จึงกลายเป็นทางออกที่ช่วยลดต้นทุนแทนการซื้อใหม่ อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญและมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ที่เสียจะกลับมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าการเปิดร้านเล็กๆ เพื่อรับซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจ SME หากมีรายได้เข้ามาเจ้าของธุรกิจก็ต้องมีหน้าที่ยื่นและเสียภาษีตามที่กฎหมายหนด โดยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์คืออะไร มีกี่ประเภทที่เข้าข่ายต้องเสียภาษี และเสียภาษีอะไรบ้าง สามารถอธิบายได้ดังนี้ 

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คืออะไร มีอะไรบ้าง

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คือ อุปกรณ์ที่ทำงานโดยอาศัยวงจรอิเล็กทรอนิกส์และใช้พลังงานไฟฟ้าในการประมวลผลหรือควบคุมกระแสไฟฟ้าเพื่อทำหน้าที่เฉพาะ เช่น การคำนวณ การสื่อสาร การแสดงผล หรือการควบคุมระบบต่างๆ โดยอุปกรณ์เหล่านี้มักประกอบด้วยวงจรอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ไดโอด ทรานซิสเตอร์ หรือไมโครชิป

ซึ่งตัวอย่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามการใช้งานและฟังก์ชันการทำงาน สามารถอธิบายได้ดังนี้

  1. อุปกรณ์เพื่อการสื่อสาร เช่น โทรศัพท์มือถือ สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต วิทยุสื่อสาร เราเตอร์ โมเด็ม
  2. อุปกรณ์เพื่อความบันเทิง เช่น โทรทัศน์ เครื่องเสียง กล้องถ่ายภาพและวิดีโอ โพรเจกเตอร์
  3. อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และการประมวลผล เช่น คอมพิวเตอร์ เมนบอร์ด ซีพียู คีย์บอด เมาส์
  4. อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ เช่น สมาร์ตวอตช์ 
  5. อุปกรณ์เพื่อการใช้งานในบ้าน เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า
  6. อุปกรณ์การแพทย์ เช่น เครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือด

ประเภทภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ SME

1.ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90/91) หากเจ้าของธุรกิจไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล โดยดำเนินธุรกิจในนามบุคคล เจ้าของธุรกิจจะต้องยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยรายได้จากการซ่อมอุปกรณ์จะนับรวมเป็นเงินได้พึงประเมิน ซึ่งสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ตามจริงหรือแบบเหมา

2.ภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด.50/51) หากเป็นธุรกิจจดทะเบียนเป็นบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด จะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี (ภ.ง.ด.50) และแบบครึ่งปี (ภ.ง.ด.51) โดยสามารถหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ เช่น ค่าวัสดุ อะไหล่ อุปกรณ์ ค่าแรง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ

3.ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หากรายได้จากธุรกิจเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี เจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และจัดทำใบกำกับภาษีให้ลูกค้าเมื่อมีการซื้อขายและบริการ พร้อมยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) ทุกเดือน

4.ภาษีหัก ณ ที่จ่าย หากกิจการซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นนิติบุคคล เมื่อจ่ายเงินให้ผู้ให้บริการอื่น จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราที่กฎหมายกำหนด ตั้งแต่ 1%-3% ขึ้นอยู่กับประเภทรายจ่ายนั้นๆ เช่น ค่าบริการ 3% ค่าเช่า 5% และนำส่งให้กรมสรรพากร และในกรณีที่ได้รับเงินค่าบริการจากนิติบุคคล กิจการรับซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% ด้วย

เคล็ดลับในการจัดการภาษีสำหรับธุรกิจซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ SME

1.จัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างเป็นระบบ การบันทึกข้อมูลรายได้และค่าใช้จ่ายอย่างละเอียดจะช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถคำนวณภาษีได้อย่างถูกต้อง และป้องกันปัญหาด้านเอกสารในอนาคต

2.เก็บเอกสารประกอบการคำนวณภาษี ควรเก็บหลักฐาน เช่น ใบเสร็จค่าซื้ออะไหล่ ค่าวัสดุ ค่าเช่าสถานที่ และค่าแรง เพื่อใช้ในการลดหย่อนภาษีและพิสูจน์ความถูกต้องหากมีการตรวจสอบ

3.การใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับ SME ธุรกิจขนาดเล็กสามารถใช้สิทธิพิเศษทางภาษี เช่น ได้รับยกเว้นและลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล และมาตรการสนับสนุนธุรกิจจากทางภาครัฐอื่นๆ

4.การวางแผนภาษีล่วงหน้า ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือนักบัญชีเพื่อวางแผนการเงินและภาษีล่วงหน้า ลดความเสี่ยงจากการเสียค่าปรับ และช่วยให้ธุรกิจใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5.การตรวจสอบกำหนดเวลาในการยื่นภาษี เช่น

- ภ.ง.ด.90/91 ให้ยื่นภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป

- ภ.ง.ด.50 ให้ยื่นภายใน 150 วันนับจากวันสิ้นปีบัญชี

- ภ.ง.ด.51 ให้ยื่นภายใน 2 เดือนนับจากวันสิ้นครึ่งปีแรกของปีบัญชี

- ภ.พ.30 ให้ยื่นภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป

กล่าวโดยสรุป การจัดการภาษีเป็นองค์ประกอบสำคัญของการดำเนินธุรกิจ แม้ว่าจะเป็นร้านรับซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เล็กๆ ก็ตาม ซึ่งจัดอยู่ในรูปแบบธุรกิจ SME ที่ไม่ควรมองข้าม ด้วยการเข้าใจข้อกำหนดภาษีอย่างครบถ้วนและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยการเสียภาษีอย่างถูกต้องจะช่วยให้หลีกเลี่ยงปัญหากับกรมสรรพากร เช่น ค่าปรับและดอกเบี้ยอันเกิดจากการยื่นแบบล่าช้าหรือมีข้อมูลผิดพลาดอีกด้วย นอกจากนี้ยังทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพในระยะยาว

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่  Inflow Accounting