โอกาส "ไทย" นั่งแท่นผู้นำ Specialized AI Hub ภูมิภาคได้หรือไม่ ?

โอกาส "ไทย" นั่งแท่นผู้นำ Specialized AI Hub ภูมิภาคได้หรือไม่ ?

31 มกราคม 2568

"ประเทศไทย" มีโอกาสเป็นผู้นำด้าน Specialized AI Hub ของภูมิภาคได้ต้องไม่หยุดพัฒนา วางแผนและดำเนินการอย่างเป็นระบบ พร้อมยกระดับขีดความสามารถ AI

KEY

POINTS

  • "ประเทศไทย" มีโ

หากเปรียบเทียบ ไทย กับ สิงคโปร์ ปัจจุบันไทยยังคงมีช่องว่างให้พัฒนาทั้งในด้านงบประมาณและระบบนิเวศด้าน AI ในปี 2024 รัฐบาลสิงคโปร์จัดสรรงบประมาณด้านเทคโนโลยี และ AI ถึง 5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือคิดเป็น 4 .7% ของงบประมาณทั้งหมด 

ขณะที่ ไทยจัดสรรงบประมาณเพียง 2.8 หมื่นล้านบาท (0.8%) ในภาคเอกชน ไทยมีสตาร์ทอัพที่ใช้ AI เป็นธุรกิจหลักเพียง 21 แห่ง ซึ่งนับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับสิงคโปร์ ที่มีถึง 1,100 แห่ง และมาเลเซียที่ 296 แห่ง นอกจากนี้การลงทุนในสตาร์ทอัพด้าน AI และ Deep Tech ของเอกชน ไทย อยู่ที่เพียง 639 ล้านบาท ในปี 2022 ตัวเลขดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า AI ของไทยยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา

เปรียบเทียบข้อมูลที่เกี่ยวกับ AI ระหว่างสิงคโปร์ มาเลเซียและไทย

ที่มา: Ascendix Technologies, Smart Nation Singapore, Tracxn, Statista, Data.gov.sg, MHESI, CEIC, Bualuang Research ที่มา: Ascendix Technologies, Smart Nation Singapore, Tracxn, Statista, Data.gov.sg, MHESI, CEIC, Bualuang Research

เปรียบเทียบการพัฒนาทางด้าน AI

IMF ได้กำหนดเกณฑ์การวัดการพัฒนาด้าน AI ออกเป็น 4 ด้านหลัก ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัล นวัตกรรมและเศรษฐกิจ บุคลากรและการศึกษา และการส่งเสริมจากภาครัฐ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบระหว่างประเทศในภูมิภาคจะพบว่าสิงคโปร์มีความโดดเด่นในทุกด้าน โดยเฉพาะในด้านการส่งเสริมจากภาครัฐและโครงสร้างพื้นฐานที่ถือว่าเป็นอันดับ 1 ของโลก ขณะที่มาเลเซียก็มีแนวโน้มของการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแข็งแกร่งกว่าไทย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ปัจจุบันไทยมี Data Center รวมเพียง 41 แห่ง น้อยกว่าสิงคโปร์ที่มีถึง 99 แห่ง และมาเลเซียที่ 61 แห่ง อย่างไรก็ตามไทยเริ่มมีสัญญาณเชิงบวกจากการประกาศลงทุน Data Center มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย AWS และการพิจารณาลงทุนจาก Microsoft และ Google Cloud ซึ่งจะช่วยยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทย แต่รัฐบาลยังจำป็นต้องผลักดันการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อให้ไทยสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อีกด้านหนึ่งที่ไทยต้องเร่งพัฒนา คือ การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรเนื่องจากความต้องการผู้เชี่ยวชาญ ด้านเทคโนโลยีและ AI ในไทยเพิ่มขึ้นถึง 20,000- 30,000 รายต่อปี แต่สถาบันการศึกษาสามารถผลิตบุคลากรได้เพียง 15,000 รายต่อปี และในจำนวนนี้มีเพียง 6,000-10,000 ราย ที่จบในสาขา AI โดยตรง คิดเป็นสัดส่วนเพียง 5.4% ของผู้สำเร็จการศึกษาทั้งหมด ซึ่งต่ำกว่าสิงคโปร์ที่มีสัดส่วนถึง 22.5% การสร้างบุคลากรที่มีทักษะตรงกับความต้องการของตลาดจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศด้าน AI ของไทยให้แข็งแกร่ง 

สถานการณ์การแข่งขันด้าน AI ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีผู้นำเป็นสิงคโปร์และตามมาด้วยความก้าวหน้าของมาเลเซีย ขณะที่ไทยแม้จะมีศักยภาพในการพัฒนา แต่ต้องเร่งปรับปรุงทั้งในด้านงบประมาณ การส่งเสริมการศึกษาและการพัฒนาแรงงานที่มีทักษะ เพื่อเพิ่มศักยภาพของ AI Ecosystem ให้สามารถแข่งขันในเวทีระดับภมิภาคได้อย่างยั่งยืน

โอกาสในการพัฒนา AI เฉพาะด้าน 

แม้จะเผชิญความท้าทายหลายประการ แต่ไทยมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการเป็น AI Hub เฉพาะทาง (Specialized AI) โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีความเข้มแข็ง เช่น การเกษตรและอาหาร การมุ่งเน้นพัฒนา AI ในอุตสาหกรรมเหล่านี้อาจเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมกว่าการพยายามแข่งขันในทุกด้าน เนื่องจากสามารถต่อยอดจากจุดแข็งที่มีอยู่เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและเพิ่มผลิตภาพได้อย่า มีประสิทธิภาพ ตัวอย่าง  Specialized AI ในภาคการเกษตรและอาหาร มีดังต่อไปนี้

การเกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture)  AI สามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจากเซนเซอร์ ภาพถ่าย ดาวเทียมและโดรน

 • คาดการณ์ผลผลิต: วิเคราะห์ข้อมูลดิน น้ำ และสภาพอากาศ เพื่อช่วยวางแผนการเพาะปลูกที่เหมาะสม 

• จัดการทรัพยากร: ใช้ข้อมูลเพื่อปรับปริมาณน้ำ ปุ๋ย และยาฆ่าแมลงให้พอดีกับความต้องการของพืช ลดการใช้ ทรัพยากรเกินจำเป็น 

• ตรวจจับโรคและศัตรูพืช: AI ช่วยวิเคราะห์ภาพถ่ายใบพืช เพื่อระบุโรคหรือศัตรูพืชอย่างแม่นยำ และเสนอ วิธีแก้ไข 

ระบบอัตโนมัติในฟาร์ม (Farm Automation) 

• หุ่นยนต์การเกษตร: เช่น หุ่นยนต์เก็บเกี่ยวผลผลิต หรือหุ่นยนต์กำจัดวัชพืชที่ควบคุมด้วย AI 

• เครื่องจักรอัจฉริยะ: ใช้ AI ควบคุมเครื่องจักรที่สามารถปรับระดับการทำงานให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม

สรุปการผลักดันให้ไทยเป็นผู้นำด้าน Specialized AI Hub ของภูมิภาคมีโอกาสเป็นไปได้ หากมีการวางแผนและดำเนินการอย่างเป็นระบบ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาในอุตสาหกรรมที่ไทยมีความได้เปรียบถึงแม้ข้อมูลจะชี้ว่าไทยยังต้องพัฒนาอีกมากเมื่อเทียบกับประเทศผู้นำในภูมิภาค

แต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาศักยภาพในอุตสาหกรรมเฉพาะทางก็เป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถด้าน AI ของประเทศ ทั้งนี้ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาในการขับเคลื่อนนโยบายที่เป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีสามารถติดตามอ่านรายงานฉบับเต็มที่จัดทำโดย ทีม Wealth Research หลักทรัพย์บัวหลวง 

Thailand Web Stat