หุ้นไทยท้ายตาราง ปรับกลยุทธ์ลงทุนอย่างไร ?
ในปีนี้ตลาดหุ้นโลกมีแนวโน้มที่จะผันผวนมากขึ้น เนื่องจากต้องเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย โดยเฉพาะช่วงครึ่งแรกของปีนี้ที่ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อาจชะลอตัวกว่าที่ตลาดคาด เช่น สหรัฐฯอาจเผชิญกับตัวเลขอัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้น และการบริโภคที่ชะลอตัว
อีกทั้งการเติบโตของเศรษฐกิจอาจมีความเสี่ยงมาจากสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ในปี 68 มีเม็ดเงินไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ ไปสู่ตลาดพัฒนาแล้วอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแน่นอนว่าตลาดหุ้นไทยบ้านเราก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยดัชนี SET ปรับลงราว 9.9% นับจากต้นปี (ข้อมูล ณ วันที่ 6 ก.พ.68)
กลยุทธ์การลงทุนสำหรับปีนี้ จึงต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น โดยหนึ่งในวิธีการลงทุนที่เหมาะกับช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูงเช่นนี้ และยังเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับจากนักลงทุนระดับโลก อย่าง คุณ Warren Buffet ก็คือ “การกระจายลงทุนในตะกร้าดัชนี” ซึ่งเป็นการลงทุนในบริษัทที่หลากหลาย กระจายในหลายอุตสาหกรรม ช่วยลดความเสี่ยงและความผันผวนของพอร์ตโดยรวมได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันการกระจายลงทุนตะกร้าดัชนีหุ้นหลักทั่วโลกสามารถทำได้ง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพ ผ่านเครื่องมือทางการเงินอย่าง DR ซึ่งเป็นตราสารที่ซื้อขายผ่านกระดานหุ้นไทย ซื้อขายได้เรียลไทม์ด้วยสกุลเงินบาท ทำให้นักลงทุนทุกคนสามารถเข้าถึงดัชนีระดับโลกโดยใช้เงินลงทุนเริ่มต้นไม่มาก รวมถึงสามารถซื้อขาย DR โดยใช้บัญชีซื้อขายเดียวกับหุ้นไทย ไม่ต้องเปิดพอร์ตการลงทุนใหม่
นอกจากนี้อีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยให้การลงทุนใน DR มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยลดความเสี่ยงจากการจับจังหวะลงทุน คือ การทยอยลงทุนแบบถัวเฉลี่ย (Dollar Cost Averaging: DCA) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด โดยเฉพาะนักลงทุนที่อาจยังจับจังหวะตลาดไม่ถูก การลงทุนแบบ DCA จะช่วยให้สามารถสะสมหน่วยลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องกังวลกับความผันผวนของราคาในแต่ละช่วงเวลา
หากพิจารณาผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีของการ DCA โดยซื้อทุกวันทำการด้วยจำนวนเงินเท่าๆกันใน DR ที่ออกและเสนอขายโดยหลักทรัพย์บัวหลวง (DR01) จะพบว่าให้ผลตอบแทนชนะหุ้นไทยได้อย่างมีนัยสำคัญ นำโดย DR ที่ลงทุนอ้างอิงหุ้นเทคฯ ฮ่องกงอย่าง DR CNTECH01
สำหรับหนึ่งในคำถามสำคัญสำหรับนักลงทุนในปีนี้คือ "DCA ใน DR ตัวไหนดี ?" เพื่อให้พอร์ตการลงทุนเติบโตอย่างมั่นคงและสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว
โดยหลักทรัพย์บัวหลวงมี DR Top Pick 3 ตัว ที่เชื่อว่าจะเหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว ได้แก่
1. DR “SP50001” ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงคือ Hang Seng S&P 500 Index ETF (3195) ที่ลงทุนอ้างอิงดัชนี S&P 500 ดัชนีที่ประกอบด้วย 500 บริษัทชั้นนำที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เช่น NVIDIA Apple Costco และ Starbucks เป็นต้น ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจมีความเสี่ยงถูกปรับคาดการณ์การเติบโตลงในปีนี้ แต่บริษัทเหล่านี้ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีฐานลูกค้ากระจายอยู่ทั่วโลก
อีกทั้งหุ้นส่วนใหญ่ยังถูกจัดอยู่ในกลุ่ม New Economy ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงที่หาได้ยากในไทย จึงมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะยังสามารถ Outperform ได้ในระยะยาว แม้ระหว่างทางอาจมีการปรับฐาน จาก Valuation ที่ตึงตัว แต่เรามองเป็นการปรับฐานเพื่อไปต่อ (Healthy Correction) ดังนั้นอาจใช้วิธีลงทุนแบบการค่อยๆ ทยอยสะสม เมื่อตลาดหุ้นมีจังหวะย่อตัว
2. DR “INDIA01” ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงคือ ChinaAMC MSCI India ETF (3404) ที่ลงทุนอ้างอิงดัชนี MSCI India Net Total Return (USD) ดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้นอินเดียขนาดใหญ่และกลาง จำนวน 156 ตัว โดยอินเดียถือเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่เติบโตได้อย่างโดดเด่น เมื่อเทียบกับกลุ่มตลาดเกิดใหม่ด้วยกัน
เสน่ห์ของอินเดีย คือ เศรษฐกิจที่ยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก เนื่องจากประชากรอินเดียที่มีจำนวนมากถึง 1.4 พันล้านคน สูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก ขณะที่ GDP Per Capita ของอินเดียอยู่ที่เพียงราว 2,200 ดอลลาร์สหรัฐ ต่ำกว่าประเทศที่มีฐานประชากรใกล้เคียงกันอย่างจีนเกือบ 3 เท่า บ่งชี้ว่าการบริโภคในประเทศยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ขณะที่ปัจจุบันดัชนี MSCI India Net Total Return (USD) ปรับลงจากจุดสูงสุดมาแล้วราว 18% เข้าสู่สภาวะปรับฐาน (ข้อมูล ณ วันที่ 6 ก.พ. 68) จึงมองเป็นจังหวะที่น่าสนใจเริ่มลงทุน
3. DR “CNTECH01” ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงคือ ChinaAMC Hang Seng TECH Index ETF (3088) ที่ลงทุนอ้างอิงดัชนี Hang Seng TECH ที่รวบรวมหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำของจีน 30 บริษัท ซึ่งเป็นที่รู้จักในระดับสากล และจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง เช่น กลุ่ม ATMX ได้แก่ Alibaba, Tencent, Meituan และ Xiaomi ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีน้ำหนักในดัชนีมากกว่า 30%
โดยปัจจุบันหุ้นเทคฯ จีนเริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น หลังกระแส AI DeepSeek ที่แสดงให้เห็นว่าพัฒนาการของเทคโนโลยี AI จากจีน ที่เริ่มตามทันฝั่งสหรัฐฯ มากขึ้นเรื่อยๆ ในแง่ของมูลค่าหุ้นเทคฯ จีนยังคงน่าสนใจ โดยดัชนี Hang Seng TECH มี Forward P/E 12 เดือน ข้างหน้า อยู่ที่ 16.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 24.5 เท่า ราว 1 s.d.
DR ทั้ง 3 ตัวนี้ สามารถลงทุนแบบ DCA ได้สะดวกผ่านหลักทรัพย์บัวหลวงด้วยบริการออมหุ้นอัตโนมัติ “DCAMIX” โดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มลงทุนและยังจับจังหวะตลาดไม่แม่น รวมถึงวิธีการทยอยลงทุนเป็นงวดๆ ในจำนวนเงินที่เท่ากันทุกเดือน ยังสร้างวินัยการลงทุนในระยะยาว
นอกจากนี้นักลงทุนยังสามารถเลือก DCA บน DR ที่ลงทุนอ้างอิงดัชนีตัวอื่นๆ ที่ออกโดยหลักทรัพย์บัวหลวง และ ETF ที่ลงอ้างอิงหุ้นไทยได้เช่นกัน