posttoday

เนสกาแฟ เติบโตแผ่นดินไทย หักเหลี่ยมโหดเพื่อร่วมสร้าง เพื่อไปต่อ

22 เมษายน 2568

แบรนด์กาแฟยักษ์ใหญ่ที่เติบโตจากน้ำพักน้ำแรงคนไทย กำลังถูกตั้งคำถามเรื่อง “ศักดิ์ศรีหุ้นส่วน” เมื่อพันธมิตร 50 ปี ถูกตัดตอนเหลือเพียงคำสั่งศาลและข้อพิพาทหมื่นล้าน

เนสกาแฟ เติบโตแผ่นดินไทย หักเหลี่ยมโหดเพื่อร่วมสร้าง เพื่อไปต่อ

คอลัมน์ : ย้อนศร | จากกาแฟซองละสิบ สู่ศึกหมื่นล้าน และคำถามถึงศักดิ์ศรีผู้ร่วมสร้าง

ย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ. 2516 กาแฟสำเร็จรูปที่ชื่อว่า ‘เนสกาแฟ’ ข้ามน้ำข้ามทะเลจากสวิตเซอร์แลนด์ เข้ามายังประเทศไทย ไม่ใช่แค่พร้อมกลิ่นหอม แต่ยังมาพร้อมเครือข่ายทุนระดับโลก และตัวกลางคนไทยผู้เปิดประตูสู่ดินแดนสยามคือ ‘ประยุทธ มหากิจศิริ’  คุณพ่อของ ‘กึ้ง’ เฉลิมชัย มหากิจศิริ และนี่ไม่ใช่การนำเข้าแบบตัวแทนจำหน่าย แต่คือ การร่วมสร้างตั้งแต่ศูนย์

เพื่อนที่เคยจับมือกัน...กลายเป็นศัตรูในเกมหมากหมื่นล้าน…ครั้งหนึ่ง เมื่อยังเป็นพันธมิตรกัน สัญญาชัดเจนฝ่ายหนึ่งให้ลิขสิทธิ์  อีกฝ่ายร่วมทุน ผลิต บริหาร และทำให้แบรนด์แข็งแกร่ง บริษัทลูกที่ชื่อว่า Quality Coffee Products Ltd. (QCP) จึงถือกำเนิดขึ้นด้วยหุ้นเท่า ๆ กัน 50:50 ในช่วงแรก ก่อนที่ฝ่ายไทยจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

หลายสิบปีผ่านไป เนสกาแฟกลายเป็นผู้นำตลาดกาแฟสำเร็จรูปของไทย ทำรายได้ต่อปีเกิน 17,000 ล้านบาท กำไรสุทธิกว่า 3,000 ล้านบาท ครองส่วนแบ่งตลาดรวมเกิน 50% และในหมวดกาแฟ 3-in-1 ยึดครองตลาดสูงกว่า 60% ทั้งหมดนี้จะบ่งบอกได้ว่า เติบโตบนหลังของคนไทยนับล้าน และพันธมิตรสยามประเทศเป็นผู้ร่วมสร้างก็มิอาจปฏิเสธได้

 

จนวันหนึ่ง…เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ข้อตกลงร่วมทุนสิ้นสุดลง สิ่งที่ตามมา ก็คือข้อพิพาททางกฎหมาย ที่ไม่ได้จบลงด้วยการพูดคุย แต่จบลงด้วยคำสั่งศาล ห้ามจำหน่ายเนสกาแฟในประเทศไทยชั่วคราว

‘มังกรเขี้ยวแก้ว’ จะเล่าให้ฟังถึงเบื้องหลังความขมมากกว่ากาแฟนี้ คือ ข้อเสนอซื้อ-ขายบริษัทลูกที่เคยร่วมสร้างกันมา 

ฝ่ายเนสท์เล่ เสนอซื้อกิจการที่ราคาอ้างว่า “สมน้ำสมเนื้อ” 30,000–35,000 ล้านบาท พร้อมคำพูดที่ฝังใจว่า “คุณประยุทธรวยพอแล้ว” 

ฝ่ายมหากิจศิริ ยืนยันราคาประเมินโดยที่ปรึกษาอยู่ที่ 129,000 ล้านบาท จึงเจรจาตอบกลับไปว่า 

“ถ้าอย่างนั้น คุณเสนอซื้อผม 35,000 ล้าน…ผมขอซื้อบ้าง ที่ราคา 75,000 ล้าน” 

เจ้าของลิขสิทธิ์ปฏิเสธทันควัน สุดท้ายไม่สามารถตกลงกันได้ บริษัทลูกที่เคยร่วมก่อร่างก็ถูกปิดทิ้งในพริบตาเหมือน “ตัดตอน” เส้นทางของหุ้นส่วน แม้แต่ความสัมพันธ์…ก็ไม่มีเหลือ

 

จากพันธมิตรสู่อำนาจเหนือราคา วันนี้ เนสกาแฟไม่ใช่แค่แบรนด์ แต่เป็นผู้กุมอำนาจทางจิตวิทยาและเศรษฐกิจ ยึดครองชั้นวางสิ้นตั้งแต่ห้างหรูยันร้านโชห่วย ยึดครองใจผู้บริโภค ยึดครองสิทธิ์ในการขึ้นราคาตามใจ โดยที่ผู้บริโภคไม่มีทางเลือก

แบรนด์ที่เติบโตจากน้ำพักน้ำแรงของคนไทยในวันที่สำเร็จแล้ว...กลับ ปิดประตูใส่คนที่ร่วมสร้าง

“กาแฟถ้วยเดียว” ที่แลกด้วยศักดิ์ศรีของใครบางคน คำถามใหญ่ไม่ใช่แค่เรื่องหุ้น แต่คือความไว้ใจ นี่หรือ? วิธีที่คุณปฏิบัติต่อคนที่อยู่ข้างคุณมาตลอด 50 ปี คุณเติบโตจากแผ่นดินนี้ แต่วันนี้ที่คุณมั่งคั้ง กลับหักเหลี่ยมโหดเพื่อร่วมสร้าง…เพื่อไปต่อ?