ใต้โต๊ะพุ่ง2แสนล้าน หอการค้าสำรวจพบตัวเลขขยับเพิ่ม5-15%
สถานการณ์คอร์รัปชั่นไทย ส่อสัญญาณน่าเป็นห่วง สร้างความเสียหาย ทางเศรษฐกิจ 2 แสนล้าน
สถานการณ์คอร์รัปชั่นไทย ส่อสัญญาณน่าเป็นห่วง สร้างความเสียหาย ทางเศรษฐกิจ 2 แสนล้าน
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ดัชนีคอร์รัปชั่นของไทยเดือน ธ.ค. 2560 ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทย (CSI) อยู่ที่ 52 ลดลงจากการสำรวจครั้งก่อนในเดือน มิ.ย.ปีเดียวกัน ซึ่งอยู่ที่ 53 โดยปรับลดลงทั้งดัชนีสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต
นอกจากนี้ ดัชนีปัญหาและความรุนแรงการคอร์รัปชั่นมีความรุนแรงมากขึ้น โดยลดลงมาอยู่ที่ 42 จากครั้งก่อนอยู่ที่ระดับ 44 มีเพียงดัชนีการสร้างจริยธรรมและจิตสำนึกที่ปรับเพิ่มขึ้นจาก 60 เป็น 62 ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประมาณการว่า มูลค่าการคอร์รัปชั่นอยู่ที่ 5-15% ของงบประมาณ หรือ 6.62 หมื่นล้านบาท ถึง 1.98 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.29-6.86% ของงบประมาณ กระทบต่อจีดีพีประเทศ 0.41-1.23%
นางเสาวณีย์ กล่าวอีกว่า สาเหตุสำคัญมาจากกฎหมายที่เปิดโอกาสให้ใช้ดุลพินิจ กระบวนการทางการเมืองขาดความโปร่งใส ความไม่เข้มงวดการบังคับใช้กฎหมาย ฯลฯ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า จากการทำสำรวจมาทั้งหมด 15 ครั้งหรือ 7 ปีครึ่ง ในครั้งนี้น่าห่วงว่ามีแนวโน้มจะกลับมาเพิ่มขึ้นและมีสัญญาณความรุนแรงมากขึ้นหลังจากลดลงมาตลอดตั้งแต่ปี 2558
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ค่าดัชนี สถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยเริ่มมีสัญญาณดิ่งลงเรื่อยๆ หลังปี 2558 หลังเริ่มมีการ จัดซื้อจัดจ้างโครงการลงทุนขนาดใหญ่ โดยพบว่า อัตราการจ่ายใต้โต๊ะในปี 2560 อยู่ที่ 5-15% ถือว่าสูงสุดในรอบ 3 ปี นับจากปี 2558 ที่จ่ายเฉลี่ย 1-15% และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ 1-2 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ดี ในวันที่ 21 ก.พ.นี้ เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม (WEF) จะมีการประกาศผลคะแนนดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น ของประเทศไทย (CPI) ประจำปี 2560 จากปัจจุบันไทยมีคะแนนอยู่ที่ 35 คะแนน ติดอันดับ 101 จาก 176 ประเทศ ลดลงจากปี 2558 ที่อยู่อันดับ 76