แรงงานไทยแบกหนี้สูงสุดในรอบ10ปี เฉลี่ยครัวเรือนละ1.37แสนบาท
กลุ่มแรงงานรายได้ต่ำกว่าเดือนละ15,000 แบกภาระหนี้ปี 61 สูงสุดรอบ 10 ปี เฉลี่ยหนี้ครัวเรือนละ 1.37 แสนบาท สาเหตุสำคัญการก่อหนี้จากค่าครองชีพสูงขึ้น
กลุ่มแรงงานรายได้ต่ำกว่าเดือนละ15,000 แบกภาระหนี้ปี 61 สูงสุดรอบ 10 ปี เฉลี่ยหนี้ครัวเรือนละ 1.37 แสนบาท สาเหตุสำคัญการก่อหนี้จากค่าครองชีพสูงขึ้น
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการสำรวจกลุ่มแรงงานที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท/เดือน จำนวน 1,194 ตัวอย่างทั่วประเทศ เพื่อสอบถามสถานะแรงงานไทย พบว่าภาระหนี้สินครัวเรือนของแรงงานไทยปี 2561 มีมูลค่าสูงสุดรอบ 10 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2552 เฉลี่ยแรงงานเป็นหนี้ 1.37 แสนบาท/ครัวเรือน เพิ่มขึ้น 4.95% เทียบกับปี 2560 แบ่งเป็นกู้หนี้ในระบบสัดส่วน 65.4% ดอกเบี้ยเงินกู้ประมาณ 10.6% ต่อปี และกู้หนี้นอกระบบสัดส่วน 34.6% ดอกเบี้ยเงินกู้ประมาณ 20.1% ต่อเดือน
ทั้งนี้ ภาระหนี้แรงงานไทยพบว่าผู้ตอบสัดส่วน 96.0% ตอบมีหนี้ ซึ่งเป็นสัดส่วนการตอบที่สูงสุดรอบ 10 ปีเช่นกัน โดยสาเหตุของการก่อหนี้ โดยผู้ตอบส่วนใหญ่ 36.1% นำหนี้เพื่อใช้จ่ายทั่วไป รองลงมาก่อหนี้เพื่อซื้อทรัพย์ เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ก่อหนี้เพื่อลงทุน ก่อหนี้เพื่อซื้อบ้าน ก่อหนี้เพื่อรักษาพยายาบาล และก่อหนี้เพื่อใช้เงินกู้ ขณะที่การผ่อนชำระหนี้ของแรงงานไทยพบว่า มีการใช้หนี้ต่อเดือนประมาณ 5,326 บาท และเมื่อถามว่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาเคยผิดนัดผ่อนชำระหรือไม่ ส่วนใหญ่ 85.4% ตอบเคยผิดนัดชำระ สาเหตุจากรายได้ลดลง ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ราคาสินค้าแพงขึ้น ภาระหนี้สินมากขึ้น และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้สำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงหยุดวันแรงงานวันที่ 1 พ.ค. 2561 คาดว่าจะมีการใช้จ่ายในช่วงวันแรงงานของกลุ่มแรงงานประมาณ 2,193 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% เทียบกับการใช้จ่ายปี 2560 โดยมูลค่าการใช้จ่ายสูงสุดรอบ 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งสาเหตุของมูลค่าการใช้จ่ายวันแรงงานที่เพิ่มขึ้นมาจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยกิจกรรมที่แรงงานทำช่วงวันแรงงาน คือ ท่องเที่ยว สังสรรค์ ทานอาหารนอกบ้าน ดูหนัง ซื้อของ เป็นต้น