"AI/AR/VR" เทคโนโลยีพลิกโลก
ปี59มูลค่าตลาด AR/VR ทั่วโลกราว 2 หมื่นกว่าล้านบาท แต่มีความน่าสนใจตรงที่ตลาดเติบโตต่อปี 120%
โดย...ทีมข่าวไอทีโพสต์ทูเดย์
ก่อนหน้านี้ สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ หรือซิป้า ได้เผยผลสำรวจเกี่ยวกับรูปแบบเทคโนโลยีกว่า 150 แบบทั่วโลกจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา เพื่อค้นหาเทคโนโลยีที่มีบทบาทในการพลิกโลกสำหรับอนาคต พบว่า ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) นั้น เป็นอันดับแรกที่จะเข้ามาคิดและวิเคราะห์สิ่งต่างๆ ด้วยเหตุและผล ทั้งยังตอบโต้การสนทนาได้อย่างดี ซึ่งปัจจุบันที่เห็นอยู่อย่างหุ่นยนต์ ASIMO ของฮอนด้า ที่ถือเป็นหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจน และในญี่ปุ่นก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
การนำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาพัฒนาเป็นหุ่นยนต์ได้นั้น จำเป็นต้องใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่บนโลกอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า บิ๊กดาต้า มาวิเคราะห์และนำมาต่อยอดเพื่อใช้ประโยชน์ในการประมวลผลเพื่อทราบลักษณะและช่วยเหลือมนุษย์ ในสิ่งที่มนุษย์ไม่มีวันทำได้
แต่ด้วยความสามารถในการคิดวิเคราะห์ได้เองอย่างอิสระ ทำให้ถูกมองว่าเป็นภัยต่อมนุษย์ เพราะกรอบจริยธรรม ความคิด หรือแม้กระทั่งการตอบสนองจะต้องถูกควบคุมอย่างดี เพื่อให้ปลอดภัยกับมนุษย์มากที่สุด ก่อนที่จะเริ่มการปฏิวัติวงการด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์นั่นเอง
อรพงศ์ เทียนเงิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า การพัฒนาอินโนเวทีฟบนแพลตฟอร์มที่อินโนเวชั่น ยังคงต้องใช้บนพื้นฐานของไอโอที บล็อกเชนอะนาไลติก บิ๊กดาต้า และค็อกเนทีฟเซอร์วิส เพื่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Artificial Intelligence ที่มีความสามารถในการจดจำหน้าคน เสียงคน การใช้มือแบบไหน ใช้เสียงอย่างไร สิ่งเหล่านี้ใกล้ตัวจนกระทั่งเห็นแล้วว่าแทบจะกลายเป็นโลกแห่งวิวัฒนาการถัดไปของคอมพิวติ้งพาวเวอร์
ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์กำลังพัฒนาเครื่องเปลี่ยนภาษาแบบเรียลไทม์ซึ่งตอนนี้ยังเป็นเดโมอยู่ โดยไม่ใช่เพียงแค่แปลความหมายเท่านั้น แต่สามารถพูดแทนคนจากภาษาหนึ่งเป็นอีกภาษาหนึ่งได้แบบเรียลไทม์และเลียนเสียงให้คล้ายกันคนคนนั้นได้ด้วย สิ่งเหล่านี้ทำให้เห็นว่าโลกที่เราเคยฝันทั้งหลายกำลังจะกลายเป็นจริง
นอกจากนี้ สิ่งที่เรียกว่า โลกกึ่งเสมือนจริง (Augmented Reality หรือ AR) ก็กำลังเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีโลกกึ่งเสมือนจริงที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีการมองเห็นกับโลกของความเป็นจริง ด้วยการซ้อนเทคโนโลยีเข้ากับการมองเห็นจริงของมนุษย์ปกติ ทำให้เกิดมุมมองใหม่ของการเรียกใช้เทคโนโลยีและจัดการระบบได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ทั้งนี้ ในปัจจุบันแม้ว่าจะยังเป็นแค่การทำงานอย่างง่ายๆ เช่น การออกกำลังกายในลู่วิ่ง เมื่อสวมแว่น VR เข้าไป จะทำให้การวิ่งนั้นมองเห็นวิวทิวทัศน์ในสถานที่ที่เราต้องการได้อย่างเป็นธรรมชาติ หรือจะเป็นการสวมใส่ VR ในการจัดของเพื่อตรวจนับสต๊อกสินค้าไปในตัว เป็นต้น แต่อีกไม่นานเราจะเห็นการนำ AR ไปใช้ในรูปแบบต่างๆ ทั้งด้านความบันเทิงและกิจกรรมต่างๆ อย่างแพร่หลายในอนาคต
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เรียกว่า โลกเสมือนจริง (Virtual Reality หรือ VR) ที่ดูเหมือนจะใกล้เคียงกับ AR หากมองแบบผิวเผิน แต่จริงๆ แล้วมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะวิธีการใช้หรือรูปแบบที่นำไปใช้ก็ตาม นั่นเพราะ VR เป็นสิ่งที่อยู่ในโลกเสมือนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ร่างกายเพียงตอบสนองกับสิ่งที่เห็นเพื่อฝึกฝนหรือเพื่อความบันเทิง โดยที่ไม่มีการซ้อนกันของโลกความเป็นจริงแต่อย่างใด
ยกตัวอย่างเช่น การทำเครื่อง VR เพื่อฝึกบินเครื่องบินตามรุ่นต่างๆ ช่วยลดต้นทุนที่เกิดขึ้นจากการฝึกบินบางส่วน หรืออีกตัวอย่างเป็นการฝึกผ่าตัดของแพทย์เพื่อความเชี่ยวชาญ แน่นอนว่าเครื่องเหล่านี้สร้างระบบครอบคลุมการรับรู้ของมนุษย์ทั้งหมดไว้เพื่อสร้างโลกเสมือนที่อาจจะใกล้เคียงหรือไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เป็นอยู่ก็เป็นได้
มนฑิรา ปัญญาชาติรักษ์ นักวิเคราะห์ บริษัท ไอดีซี ที่ปรึกษาและวิจัยข้อมูลการตลาด เปิดเผยว่า ธุรกิจที่นำ AR/VR มาใช้เป็นกลุ่มสินค้าและบริการสู่ผู้บริโภคโดยตรง หรือ B2C ดังนั้นปัจจัยที่ทางบริษัทจะนำเทคโนโลยีนี้มาทดลองใช้ ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ทางการตลาดของแต่ละบริษัท แน่นอนว่าการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาทดลองในการตลาดเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ของลูกค้า เป็นปัจจัยหลักของการเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าและจะมีผลกระตุ้นยอดขายในที่สุด
สำหรับพฤติกรรมของกลุ่มคนที่ใช้ AR/VR จะอยู่ในกลุ่มของผู้บริโภคที่ชอบการลองอะไรใหม่ๆ ซึ่งกลุ่มนี้มักเป็นกลุ่มที่ใช้อยู่บนโลกออนไลน์หรือกลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นระยะเวลานาน โดยอุปกรณ์ชนิดนี้ยังใหม่มาก และตัวสินค้าที่มีขายในปัจจุบันก็เป็นสินค้าประเภท Screenless Viewer ซึ่งต้องอาศัยการทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟน และราคาเริ่มต้นของอุปกรณ์เฉลี่ยอยู่ที่ไม่เกิน 4,000 บาท
โลกในอนาคตไม่ได้ไกลอย่างที่คิด เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในปีที่ผ่านมามูลค่าตลาด AR/VR ทั่วโลกราว 2 หมื่นกว่าล้านบาท แต่มีความน่าสนใจตรงที่ตลาดเติบโตต่อปี 120% และเชื่อว่าเมื่อสามารถพัฒนาได้ก้าวไกลขึ้นจะเป็นเทคโนโลยีที่จะมาเปลี่ยนโลกในรูปแบบเดิมๆ แน่นอน