"MyCloudFulfillment"ผู้ช่วยเอสเอ็มอี
"MyCloudFulfillment"เปรียบเสมือนการเป็นผู้ช่วยด้านโลจิสติกส์ให้แก่ร้านค้าและผู้ประกอบการ ได้ขายสินค้าในหลากหลายช่องทาง
โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน
“MyCloudFulfillment” เป็นทีมที่มีการบริหารจัดการ นำเสนอบริการและเทคโนโลยีที่ตรงใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทำให้ทีมสามารถสร้างธุรกิจเติบโตอย่างดีในเวลากว่า 2 ปีนับจากก่อตั้ง และยังสามารถคว้ารางวัล Startup Thailand 2017 Grand Pitching Challenge ครั้งล่าสุดมาสำเร็จ
“นิธิ สัจจทิพวรรณ” กรรมการ ผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง MyCloudFulfillment บริษัท อี-เอ็มพาวเวอร์เมนท์ เปิดเผยว่า MyCloudFulfillment หรือคลัง Mycloud สำหรับกลุ่มร้านค้า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยบริการของบริษัทจะช่วยร่วมเปลี่ยนโฉมธุรกิจไทยให้มีความแข็งแกร่ง และเพิ่มโอกาสการส่งออกสินค้าไปได้ทุกตลาดทั่วโลก ไปจนถึงการเพิ่มลูกค้าใหม่ได้อย่างไม่จำกัด
“บริษัทเปรียบเสมือนการเป็นผู้ช่วยด้านโลจิสติกส์ให้แก่ร้านค้าและผู้ประกอบการ ได้ขายสินค้าในหลากหลายช่องทาง ลูกค้าได้รับบริการรวดเร็ว” นิธิ กล่าว
สำหรับผู้ประกอบการร้านค้า เอสเอ็มอี และร้านค้าออนไลน์ที่เข้ามาใช้บริการจะต้อง 1.นำสินค้ามาเก็บไว้ที่คลังสินค้าของบริษัท ที่จะมีการจัดเก็บทั้งสินค้าแบบธรรมดา หรือเก็บในห้องเย็นได้ ต่อมา 2.การให้บริการแพ็กสินค้า เพื่อส่งสินค้าให้แก่ลูกค้า โดยจะมีการแพ็กได้หลากหลายตามแบบที่ต้องการ หรือเลือกแพ็กสินค้าเป็นของขวัญได้ และมีการจัดทำบาร์โค้ดอย่างชัดเจน
“นิธิ สัจจทิพวรรณ” กรรมการ ผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง MyCloudFulfillment บริษัท อี-เอ็มพาวเวอร์เมนท์
3.การให้บริการจัดส่งสินค้า โดยลูกค้าจะสามารถเลือกได้ว่าจะจัดส่งของบริษัทแบบใด และสามารถจัดส่งไปยังลูกค้าในต่างประเทศ หรือทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ลูกค้าที่มีช่องทางการขายสินค้าได้รับความสะดวกมากที่สุด ซึ่งหากลูกค้ามียอดคำสั่งสินค้าทางออนไลน์มาหลายด้านพร้อมกัน หรือมีคำสั่งซื้อสินค้า (ออร์เดอร์) เข้ามาจำนวนมาก จะบริหารจัดการอย่างไร ถือว่าบริษัทเข้าไปทำหน้าที่ดูแลทั้งสินค้าและการแพ็กสินค้า และขนส่งไปจนถึงลูกค้าที่เลือกซื้อทั้งนี้ กลุ่มร้านค้าและผู้ประกอบการที่เลือกใช้บริการ จะมีค่าบริการทั้งการค่าเช่าในการจัดเก็บสินค้ารายเดือน การแพ็กสินค้า และขนส่งที่คิดค่าบริการตามความเป็นจริง ยกตัวอย่างลูกค้า เมื่อได้รับออร์เดอร์และส่งออร์เดอร์มาที่บริษัท ทำให้สามารถจัดส่งผลิตภัณฑ์ไปให้ได้ถึงมือในช่วงบ่ายหรือเย็นวันเดียวกันได้ทันที
ผลการเปิดให้บริการต่างได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มร้านค้าและเอสเอ็มอี ต่างเชื่อมั่นในระบบที่เป็นมาตรฐาน และระบบของทีมมีความแตกต่าง ไม่เหมือนกับบริษัทอื่นๆ ทำให้ตลอด 2 ปีมีลูกค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
“ธฤษ ตัณฑเสถียร” รองกรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง MyCloudFulfillment กล่าวว่า จุดแข็งของบริการของเราจะมีทั้งด้านโลจิสติกส์และคลังสินค้า รวมถึงการมีบริการที่ครบวงจรในจุดเดียว และส่งผลทำให้ร้านค้าและเอสเอ็มอีมีความสะดวกอย่างมาก และลูกค้าที่เมื่อเลือกใช้บริการแล้วต่างได้รับประสบการณ์ที่ดี จึงเลือกจัดส่งสินค้าผ่านบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้าสามารถเข้าไปใช้บริการได้ผ่านทาง www.mycloudfulfillment.com“ระบบออกแบบมาทำให้ลูกค้าใช้งานได้อย่างง่าย มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการธุรกิจ หรือให้บริการขายสินค้า ไปทำด้านอื่นๆ ทั้งมุ่งดูแลลูกค้า หรือการดูแลด้านตลาด ถือเป็นระบบที่มีความสมบูรณ์และเหมาะกับผู้ใช้งานอย่างมาก อีกทั้งในไทยยังไม่มีบริการในแบบนี้มาก่อน ซึ่งผู้ใช้งานทุกคนเมื่อใช้แล้วก็จะกลับมาเลือกใช้บริการซ้ำ” ธฤษ กล่าว
“นิธิ” กล่าวต่อว่า MyCloudFulfillment เปิดให้บริการมาในช่วงปี 2558 หรือกว่า 2 ปีแล้ว เริ่มต้นมาจาก 3 คน ทั้งตนเอง “ธฤษ” และเพื่อนร่วมทีมอีก 1 คน คือ “คุณบูม” ซึ่งธุรกิจสามารถสร้างรายได้ตั้งแต่ปีแรก และปีที่ 2
รายได้เติบโตขึ้น 10 เท่าจากปีแรกและมีกำไรแล้ว แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ช่วงแรกประมาณปี 2555 บริษัทไม่ได้ให้บริการด้านนี้ แต่ทำด้านจิวเวลรี่ออนไลน์ เปิดเป็นเว็บไซต์ ที่ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกแบบและผลิตได้ตามต้องการ ซึ่งช่วงแรกยอดขายเติบโตดีมาก แต่ต่อมาทีมได้มุ่งพัฒนาระบบหลังบ้านให้ดีที่สุด ไม่ได้มุ่งดูทางด้านหน้าร้าน ส่งผลให้มีลูกค้าใช้บริการน้อยลง ทำให้ต้องหยุดด้านจิวเวลรี่ออนไลน์ แต่เพื่อนและเพื่อนร่วมทีมต่างบอกว่าระบบที่ได้พัฒนาถือว่าดีมาก จึงทำให้ปรับมาเป็น MyCloudFulfillment เริ่มเปิดให้ร้านค้าทดลองใช้ฟรี และมีการพัฒนาระบบต่อเนื่อง เพื่อนำสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการมาพัฒนา สร้างสรรค์ให้ดีที่สุด และไม่มีการหยุดนิ่งที่จะพัฒนา
“ผมยังมีคุณพ่อทำด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์คอยให้คำแนะนำในด้านต่างๆ ทีมงานของคุณพ่อมีความเชี่ยวชาญในด้านจัดการโลจิสติกส์อย่างมาก ประกอบกับทีมก่อตั้ง 3 คน มีความถนัดแต่ละด้านแตกต่างกัน รวมถึงมีทีมงานแข็งแกร่ง จึงเสริมการทำงานร่วมกัน” นิธิ กล่าว
องค์ประกอบหลักที่ทำให้องค์กรเติบโตและอยู่ได้อย่างยั่งยืนนั้นมีหลายด้าน ทั้งการมีทีมงานที่เข้มแข็ง และการวางแผนบริหารจัดการคน จัดระบบเป็นโครงสร้างการบริหารแบบบริษัทที่ชัดเจน มีการวางแผนทางการเงินและการลงทุน เพื่อคุมค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ และบริหารจัดการด้านเวลาให้ดี พร้อมกับประเมินเรื่องผลรายได้ในอนาคต เพื่อให้องค์กรเดินหน้าต่อไป อีกทั้งการมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดและกลุ่มเป้าหมาย
“ธฤษ ตัณฑเสถียร” รองกรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง MyCloudFulfillment
“จุดที่สตาร์ทอัพไทยต้องระมัดระวัง มีทั้งการดูแลและบริหารจัดการด้านการเงินให้ดีที่สุด ลงทุนทีละน้อยๆ ในช่วงแรกทุกคนก็ใช้เงินส่วนตัวมาลงทุน พร้อมกำหนดระยะเวลาทำงานให้ดี พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตลาดต้องการ สามารถสร้างรายได้ เพื่อทำให้มีรายได้ในองค์กรเข้ามาต่อเนื่อง” นิธิ กล่าวจากจุดโดดเด่นในหลายด้าน ทำให้ทีมสามารถชนะเลิศรางวัล “Startup Thailand 2017 Grand Pitching Challenge” ในงานสตาร์ทอัพไทยแลนด์ 2017 จัดโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งผลตอบรับหลังจากการประกวด ทำให้ลูกค้ารู้จักเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าต่างประเทศ สนใจเข้ามาเป็นลูกค้าใหม่ และทำให้แบรนด์เติบโตมากขึ้น รวมถึงที่ผ่านมาทีมได้เข้าร่วมโครงการของทั้งสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อร่วมพัฒนาทีมด้านต่างๆ ต่อเนื่อง
“นิธิ” กล่าวต่อไปว่า เป้าหมายของบริษัทต้องการมุ่งผลักดันให้ผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีไทย มีธุรกิจเติบโตมากขึ้น และขยายตลาดส่งออกไปในต่างประเทศ เชื่อมั่นว่าธุรกิจเอสเอ็มอีไทยมีศักยภาพสูงมาก และไม่แพ้ชาติใดในโลก ทุกบริษัทสามารถสร้างตลาดได้ทั่วโลก
พร้อมกันนี้ในระยะยาวหรืออีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทสนใจขยายตลาดให้ครอบคลุมในภูมิภาคอาเซียน ผ่านการนำโมเดลของบริษัทไปเปิดในประเทศต่างๆ หรือสามารถหาพันธมิตรในต่างประเทศ รองรับความต้องการของลูกค้าทั้งในภูมิภาคเอเชียและในตลาดโลก