กฟผ.ทยอยส่งตู้ตรวจโควิดให้รพ.สนามทั่วประเทศ
กฟผ. นำร่องเริ่มส่งมอบตู้ตรวจโควิดและของใช้จำเป็นแก่โรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ วันนี้ในพื้นที่เชียงใหม่ ขอนแก่น และนนทบุรี ซึ่งมีผู้ติดเชื้อสูงเป็นลำดับแรก
นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งตรวจพบผู้ป่วยและผู้มีความเสี่ยงติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนรัฐบาลต้องจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ต่าง ๆ กว่า 25 จังหวัด เพื่อรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น
ทางกฟผ. พร้อมให้ความช่วยเหลือโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังผู้ติดเชื้อก่อน โดยเฉพาะตู้ตรวจโควิดซึ่งมีความสำคัญอย่างมากต่อการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในสถานการณ์ปัจจุบันเพื่อลดความเสี่ยงจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้เข้ารับการตรวจคัดกรองจำนวนมาก
ทั้งนี้ตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิดมีโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศขอรับการสนับสนุนมาถึง 450 ตู้ โดยพนักงานจิตอาสา กฟผ. ทั่วประเทศกำลังเร่งผลิตตู้ดังกล่าวอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อนำส่งให้โรงพยาบาลสนามในพื้นที่ต่าง ๆ เบื้องต้น กฟผ. ได้ทยอยจัดส่งอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปยังจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงใน 3 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ขอนแก่น และนนทบุรี ดังนี้ ตู้ตรวจโควิด 3 ตู้ เจลและสเปรย์แอลกอฮอล์ขนาดต่าง ๆ จำนวน 1,068 ลิตร เสากดแอลกอฮอล์เจลแบบเท้าเหยียบ จำนวน 20 อัน ผ้าห่ม ENGY จำนวน 1,060 ผืน น้ำดื่ม กฟผ. จำนวน 16,800 ขวด พัดลม จำนวน 60 ตัว ชุด PPE จำนวน 200 ชุด
ขณะเดียวกัน กฟผ. ได้ประสานงานแต่ละจังหวัดเพื่อสอบถามความช่วยเหลือที่ต้องการ และจะดำเนินการส่งมอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้กับโรงพยาบาลสนามแต่ละจังหวัดโดยเร็วที่สุด หากโรงพยาบาลสนามใดต้องการตู้ตรวจโควิดสามารถติดต่อได้ที่ผู้อำนวยการฝ่ายแพทย์และอนามัย กฟผ. โดยส่งอีเมลมาที่ [email protected] ทั้งนี้การพิจารณาให้การสนับสนุนดังกล่าว กฟผ. จะพิจารณาจัดสรรตามความเหมาะสม เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์ปัจจุบันอย่างสุดกำลัง
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา กฟผ. ได้จัดสรรงบประมาณกว่า 175 ล้านบาท ส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ป้องกันโควิด-19 อาทิ ตู้ตรวจโควิด 450 ตู้ หน้ากากอนามัย 530,000 ชิ้น เสากดแอลกอฮอล์เจลแบบเท้าเหยียบ 3,500 อัน ชุด PPE จำนวน 50,000 ชุด เจลและสเปรย์แอลกอฮอล์ 80,000 ลิตร ให้แก่โรงพยาบาลรวมทั้งสิ้น 247 แห่งใน 64 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อร่วมสู้วิกฤตโควิด-19 เคียงข้างคนไทยให้กลับมามีวิถีชีวิตปกติโดยเร็วที่สุด