ซิมเมอร์ฯ วางยุทธศาสตร์กันเสี่ยงเลี่ยงคลัสเตอร์โควิดโรงงาน ให้เดินหน้าภาคการผลิตของไทย ต้องไปต่อ
'ซิมเมอร์ เมตัล สแตนดาร์ด' วางแผนเชิงรุก-รับมือเลี่ยงความเสี่ยงคลัสเตอร์โรงงาน ฉีดวัคซีนพนักงาน-ครอบครัว-ผู้เกี่ยวข้อง ครบ100% พร้อมตั้งศูนย์พักคอย 108 เตียง สร้างมั่นใจปลอดภัย ให้โรงงานไปต่อ
ดร.พิพัฒน์ โกวิทคณิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิมเมอร์ เมตัล สแตนดาร์ด จำกัด ผู้ผลิตอะลูมิเนียมมาตรฐานยุโรป เปิดเผยว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดอยุธยาและกรุงเทพ ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดง มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และอาจเป็นผลให้พนักงานในครอบครัวซิมเมอร์ทั้งที่จังหวัดอยุธยาและกรุงเทพฯ มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
"การดูแลอย่างทั่วถึงจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องรีบลงมือ เพื่อให้ครอบครัวซิมเมอร์ของเราปลอดภัยที่สุด เพราะเมื่อ พนักงานปลอดภัย โรงงานก็ไปต่อได้" ดร.พิพัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ ซิมเมอร์ฯ วางแผนรับมือการแพร่ระบาด เตรียมพร้อมดูแลพนักงานให้ห่างไกลจากความเสี่ยงมากที่สุด โดยดำเนินมาตรการหลักที่พนักงานทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือ ตรวจวัดอุณหภูมิพนักงานทุกคนก่อนเข้าเริ่มงาน ด้วยระบบวัดอุณหภูมิอัตโนมัติ, การตรวจเชิงรุก 100% อย่างต่อเนื่อง (ATK), สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา, ล้างมือด้วยสบู่ หรือ เจลแอลกอฮอล์ มีจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ทั่วทั้งโรงงาน และเว้นระยะห่าง งดการรวมกลุ่มพูดคุยในเวลารับประทานอาหารกลางวัน
นอกจากนี้ยังจัดให้มีการฉีดวัคซีนแก่พนักงาน ทั้งหมด 682 คน ได้รับการฉีดวัคซีนคิดเป็น 100% รวมถึงครอบครัว คนใกล้ชิดของพนักงาน ผู้ร่วมงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง ให้ได้รับวัคซีนมากกว่า 1,500 คน เพื่อให้การปฏิบัติงานร่วมกัน มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและลดความรุนแรงของการติดเชื้อ ซึ่งการได้รับวัคซีนคือทางออกเดียวที่จะลดอัตราการเจ็บป่วยหนักและสูญเสีย และยังส่งผลให้สายการผลิตไม่หยุดชะงัก โรงงานสามารถดำเนินการไปต่อได้
ขณะเดียวกัน โรงงาน ยังป้องกันระวังความเสี่ยงการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยจัดตรวจเชิงรุกด้วยชุด ATK ในทันที กรณีพนักงานมีความเสี่ยง ซึ่งอาจมีสาเหตุหลักมาจากครอบครัวหรือคนใกล้ชิด เมื่อตรวจพบจะมีการกำหนดให้หยุดงานกักตัว 14 วัน ในทันทีโดยไม่มีการหักเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยง พร้อมให้การดูแลระหว่างการรอเข้าสู่กระบวนการรักษาต่อไป
"ซิมเมอร์ฯ จะดูแลพนักงานติดเชื้อ โดยจัดทำถุงยังชีพ อาหารและยารักษาโรค สำหรับการหยุดกักตัว และพักรักษาตัวที่บ้านหรือ รอเข้าสู่กระบวนการรักษา พร้อมทั้งมีการจัดทำศูนย์พักคอยที่วิทยาลัยการอาชีพเสนา จำนวน 108 เตียง เพื่อรองรับพนักงานและครอบครัวที่อาจได้รับการติดเชื้อ ด้วยสภาวะที่ยากลำบากเช่นนี้ ความใส่ใจ ห่วงใย เสมือนเป็นน้ำใจหนึ่งเดียวที่จะเยียวยาจิตใจและเติมพลังให้ครอบครัวซิมเมอร์ฯก้าวเดินร่วมกันต่อไปได้อย่างแข็งแรง แม้อาจดูหนทางการต่อสู้ครั้งนี้จะอีกยาวไกล แต่ด้วยสิ่งที่ครอบครัวซิมเมอร์ฯ มอบให้กันและกัน ย่อมทำให้เราผ่านวิกฤตนี้ไปได้ด้วยกันอย่างไม่ยากเลย” ดร.พิพัฒน์ กล่าวปิดท้าย