การ์ตูนอินทิรา เกตุวรสุนทร เส้นทางใหม่ในฝันเดิม
เส้นทางวงการบันเทิงของ “การ์ตูน” อินทิรา เกตุวรสุนทร เริ่มต้นจากการเข้าประกวดบนเวทีการประกวดสาวใสวัยทีน
โดย...พลพัต สาเลยยกานนท์
เส้นทางวงการบันเทิงของ “การ์ตูน” อินทิรา เกตุวรสุนทร เริ่มต้นจากการเข้าประกวดบนเวทีการประกวดสาวใสวัยทีนอย่าง มิสทีน ไทยแลนด์ ปี 2546 โดยไม่ได้ติดแม้กระทั่งอันดับ 1 ใน 3 ของตำแหน่งบนโพเดียม แต่ก็เป็นใบเบิกทางในการก้าวเข้าสู่วงการโดยเป็นดาราในสังกัดวิกหมอชิต ช่อง 7 กับบทบาทนางร้ายนางอิจฉาของละครหลังข่าวที่เป็นที่รู้จักกันในเรื่อง เมียหลวง, ขิงก็ราข่าก็แรง ที่ประกบกับดาราระดับแม่เหล็กของช่องอย่าง “อั้ม” พัชราภา ไชยเชื้อ และ “ป๊อก” ปิยธิดา วรมุสิก
ทว่าปัจจุบัน เส้นทางดังกล่าวของเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบและไม่ได้เป็นดั่งใจฝัน จึงทำให้ “การ์ตูน” ต้องเดินตามความฝันบนเส้นทางอื่นโดยการผันตัวนำความสนใจบวกกับความชื่นชอบด้านความงามมาเป็นแรงบันดาลใจใหม่ในการลงทุนทำธุรกิจด้านความงามภายใต้แบรนด์ “ชาเม่” ซึ่งปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ถือเป็นนักธุรกิจหน้าใหม่ของวงการเลยก็ว่าได้
แรกเริ่มในการทำธุรกิจมาจากแนวคิด “เราใช้เองและเริ่มรู้สึกอยากแบ่งปันให้คนที่อยู่รอบๆ ตัวเราสวยด้วยกัน” ประกอบกับการปิ๊งไอเดียว่าธุรกิจความงามนั้นเป็นธุรกิจที่ไม่มีวันตาย เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจไม่ดีอย่างไร ผู้หญิงทุกคนก็อยากสวยอยากดูดีตลอด นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้อยากต่อยอดธุรกิจความสวยความงามที่จะสามารถแตกไลน์ขยายไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
ย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยเด็กที่ “การ์ตูน” ชอบสรรหาสิ่งใหม่มาประทินผิว ดูแลคนรอบข้างพร้อมให้คำแนะนำ ถึงกระทั่งมีเพื่อนตั้งฉายาให้ว่า การ์ตูน กูรูเรื่องความงาม ด้วยความคิดที่ว่าการแนะนำเคล็ดลับเทคนิคเรื่องความสวยความงามให้คนไปแล้วเขาคนนั้นดูดีขึ้น เราก็มีความภาคภูมิใจอยากแนะนำคนอื่นๆ ต่ออีก ซึ่งอยากทำให้คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวพรรณเกิดความมั่นใจมากขึ้น เพราะนั่นคือการทำให้เขาคนนั้นมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามไปด้วย
ผนวกกับพื้นฐานการชอบศึกษาและชอบอ่าน โดยก่อนการตัดสินใจลงทุนทำธุรกิจดังกล่าว ได้มีการศึกษาชีวประวัติของผู้ที่ประสบความสำเร็จในทุกๆ ธุรกิจไม่ใช่เฉพาะเกี่ยวกับความงามอย่างเดียว เนื่องจากทัศนคติและวิธีการทำธุรกิจแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันออกไปตามแต่ละประเภทธุรกิจ จึงดูจุดเด่นของแต่ละประเภทและนำมาประยุกต์ พร้อมจะต้องพยายามหาความรู้ใหม่ๆ เพื่อพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคต
ทุกวันนี้ก็ยังไม่หยุดที่จะศึกษาและค้นคว้าอะไรเพิ่มเติมมาใหม่ๆ ทุกครั้งที่มีโอกาสอะไรดีๆ เข้ามาก็อยากเรียนรู้ หรือไปเดินสำรวจตลาดด้วยตนเองเป็นประจำว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง การเติบโตไปในทิศทางไหน มีอะไรออกมาใหม่ๆ ดีไม่ดียังไง อะไรที่เป็นกระแส อะไรที่อยู่ยาวนาน เราก็มาปรับใช้ในธุรกิจได้บ้าง ในขณะเดียวกันการที่เราเป็นผู้ตามบางครั้งเราก็เป็นผู้นำตลาดได้บ้าง เพราะถ้าเรามัวแต่เป็นผู้ตามตลอดสุดท้ายเราก็จะไปไม่ได้ไกล
เวลาเกิดปัญหาในการทำธุรกิจก็จะย้อนนึกวันที่เคยผ่านอุปสรรคกับความไม่ได้เป็นดั่งใจฝันในวงการบันเทิงมาเป็นแรงผลักดันและแรงบันดาลใจในการแก้ไขปัญหาและใช้สติในการคิดในการตัดสินใจ อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญคือ กำลังใจจากครอบครัว พร้อมการนึกถึงลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความคาดหวังต่อเรา เพื่อให้ปัญหาผ่านไปได้ในที่สุด
สำหรับแนวคิดในการวางแผนการตลาดใช้หลักการง่ายๆ คือ “พูดน้อยๆ และฟังเยอะๆ” เพื่อรับฟังความต้องการของผู้บริโภคไปพัฒนาสินค้าของเราเพื่อให้ได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย อีกอย่างหนึ่งคือ บริษัทไม่เน้นการลงทุนหรือการออกผลิตภัณฑ์แบบ “การหว่าน” เพราะบริษัทไม่ใช่บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีเม็ดเงินมหาศาล ฉะนั้นจะทำอะไรหรือการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ก็ต้องโดนใจลูกค้าแบบจริงๆ
ถึงวันนี้ก็เข้ามาสู่ปีที่ 7 ในการทำผลิตภัณฑ์ “ชาเม่” แต่หากถ้าเป็นรูปแบบในนามบริษัทที่ใช้ชื่อว่า บริษัท ชาร์มมิ่งเวย์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ประมาณ 2 ปี ซึ่งเมื่อเราเลือกที่จะเดินทางนี้แล้วเราก็ต้องให้เวลาชนิดที่เรียกว่าเต็มที่เลยก็ว่าได้
“ยอมรับว่างานในวงการบันเทิงช่วงที่ผ่านมาน้อยลงมากๆ แต่เราก็ใช้ช่วงเวลานั้นโฟกัสกับการทำธุรกิจผลิตภัณฑ์ความงาม “ชาเม่” นี้ ซึ่งต้องใส่ใจในทุกๆ ขั้นตอน”
ดังนั้น จึงได้วางแผนในการวางรากฐานทางธุรกิจให้แน่น จากเวชสำอาง คอลลาเจน ครีมบำรุงผิว ส่วนต่อจากนี้ไปจะมุ่งหน้าทำตลาดในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่มองว่าอนาคตมีการเติบโตไปได้อีก โดยจะทำให้ครบวงจรมากขึ้น อีกจุดหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญและการดูแลที่ดีคือ พนักงานในบริษัท ที่ยึดถือการดูแลเหมือนพี่น้อง เหมือนคนในครอบครัว เพื่อให้ทุกคนก้าวหน้าและเติบโตไปด้วยกันกับบริษัท
ถึงวันนี้ คิดเสมอว่ายังไม่ประสบความสำเร็จ เพราะจุดต้นมาจากดารานักแสดงในวงการบันเทิง จนกระทั่งสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เพียงแต่รู้สึกว่าวันนี้เริ่มอยู่ในจุดที่พอใจและภูมิใจ เพราะยังมีคนมากมายที่ยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จมากกว่าตัวเอง ส่วนผลงานในวงการบันเทิงก็อาจจะต้องรอลุ้นในโอกาสต่อไปว่าจะมีอะไรให้ติดตามชมอีกหรือไม่ในอนาคต