คาด "กนง." ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% กลางสัปดาห์นี้

ตลาดคาดการณ์ กนง.เตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% กลางสัปดาห์นี้ ตามทิศทางเฟด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ประเมินว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รอบสุดท้ายของปี 2561 มีโอกาสสูงขึ้นที่ กนง.จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.50% โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยมีผลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสถาบันการเงินไม่มาก เพราะสภาพคล่องในตลาดการเงินไทยอยู่ในระดับสูง ส่วนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์จะขึ้นอยู่กับการประเมินสภาวะแวดล้อมทางการเงินอื่นๆ นอกจากปัจจัยด้านต้นทุนทางการเงิน

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า มีโอกาสสูงที่ กนง.จะขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในอีก 12 เดือนข้างหน้า ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายปลายปี 2562 อยู่ที่ 2% ซึ่งหาก กนง.กังวลเรื่องเสถียรภาพตลาดเงินที่มีความเสี่ยงจากดอกเบี้ยต่ำนาน ทำให้นักลงทุนเข้าถือสินทรัพย์เสี่ยงมากเกินไป และประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควร กนง.ก็อาจขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค.นี้ และหาจังหวะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งกลางปี 2562

“แต่หาก กนง.กังวลเรื่องการเติบโตที่ยังช้าและมีความเสี่ยง ก็อาจจะรอตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2561 ที่จะรายงานประมาณเดือน ก.พ.ปีหน้า ก่อนตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเดือน มี.ค. 2562” นายอมรเทพ ระบุ

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดว่า กนง.จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในกลางสัปดาห์นี้เช่นกัน

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ครั้งสุดท้ายของปีนี้ ในวันที่ 18-19 ธ.ค.นี้เช่นกัน โดยบลูมเบิร์กรายงานอ้างผลสำรวจล่าสุดว่า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ไปอยู่ที่ 2.25-2.5% แต่จะลดการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าเหลือเพียง 2 ครั้ง คือในการประชุมเดือน มี.ค. และ ก.ย. จากที่คาดว่าจะขึ้น 3 ครั้ง และจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ในช่วงกลางปี 2563 ซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยขึ้นไปแตะระดับสูงสุดของวัฏจักรขาขึ้นที่ระดับ 3-3.25%

น.ส.อริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการสมาคมตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า จากผลสำรวจล่าสุดออกมาชัดว่าดอกเบี้ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ที่ผ่านมาภาคธุรกิจไทยได้เตรียมรับมือกับดอกเบี้ยขาขึ้นด้วยการระดมเงินในตลาดตราสารหนี้ต่อเนื่อง โดยล่าสุดมียอดออกหุ้นกู้เกิน 8 แสนล้านบาทแล้ว และแนวโน้มการออกหุ้นกู้ในปี 2562 ก็จะยังมีอย่างต่อเนื่อง เพราะในปีหน้าจะมีหุ้นกู้ครบกำหนดประมาณ 6 แสนล้านบาท ซึ่งเอกชนจะใช้วิธีการออกหุ้นกู้มารีไฟแนนซ์หุ้นกู้ที่จะครบกำหนด

“เชื่อว่าสภาพคล่องในระบบจะรองรับหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดได้ เพราะ 80% ของหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระมีอันดับเครดิตเรตติ้ง A- ขึ้นไป” น.ส.อริยา กล่าว

ล่าสุด บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อขอออกหุ้นกู้วงเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท โดยจะเสนอขายในเดือน ม.ค. 2562 ขณะที่ ซีพี ออลล์ (CPALL) ขอออกหุ้นกู้ 1.2 หมื่นล้านบาท และมีวงเงินสำรอง 5,000 ล้านบาท จะเสนอขายเดือนม.ค.ปีหน้า โดยทั้งสองบริษัทจะนำเงินที่ได้ไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระ