'ชัยชนะ'ค้านครอบครองยาบ้า10เม็ดผู้เสพหวั่นเป็นผู้ค้าในอนาคต
'ชัยชนะ เดชเดโช' สส.นครศรีธรรมราช ประชาธิปัตย์ ค้าน รมว.สาธารณสุข นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว นโยบายเพิ่มการครอบครองยาบ้าเป็น 10 เม็ด เข้ารับการบำบัด อาจจะกลายเป็นผู้ค้าในอนาคต แนะเพิ่มความคุ้มครองเพื่อสาวให้ถึงตัวการใหญ่
นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่ น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข วางนโยบายกำหนดจำนวนยาบ้าไม่เกิน 10 เม็ด ถือเป็นผู้เสพต้องเข้าสู่กระบวนการบำบัด โดยเตรียมที่จะออกเป็นกฎหมายลูก ว่า ตนสงสัยว่า น.พ.ชลน่าน คิดอะไรและเอาอะไรคิด ถึงได้ออกนโยบายแบบนี้ เพราะในขณะที่คำแถลงนโยบายรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน ต่อรัฐสภา ระบุว่า รัฐบาลจะทำงานร่วมกับประชาชนทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย ซึ่งขณะนี้ ได้มีการดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดไปบ้างแล้ว
แต่ปรากฏว่า การที่ น.พ.ชลน่าน จะเพิ่มเพดานจากแต่เดิม 5 เม็ด เป็น 10 เม็ด นั้น ถือว่าเป็นการออกนโยบายโดยที่ไม่ได้ดูข้อเท็จจริง เพราะที่ผ่านมา การที่กำหนดให้ผู้ครอบครองยาบ้าจำนวน 5 เม็ด ให้ถือเป็นผู้เสพ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขรับตัวไปรักษาบำบัดฟื้นฟู ไม่ต้องไปรับโทษในเรือนจำนั้น ปรากฏว่า ขณะนี้สถานบำบัดที่เหมาะสมยังมีไม่เพียงพอ โดยวิธีการส่วนใหญ่ก็คือ การนัดตัวผู้ที่บำบัดมาตรวจร่างกาย และจ่ายยารักษาเหมือนกับคนไข้ปกติ เมื่อไม่ได้กินยาหรือไม่มีมาตรการควบคุมตัวผู้บำบัดที่ดีพอ ก็จะเกิดอาการคลุ้มคลั่งทำร้ายบุคคลรอบข้าง รวมทั้ง หากเพิ่มเพดานเป็น 10 เม็ด แต่ไม่มีมีการวางมาตรการจูงใจให้ผู้ติดยาเสพติดไปบำบัด ตนเกรงว่า ด้วยจำนวนขนาดนั้น อาจจะเป็นจุดเล็กๆ ที่จะขยายไปเป็นผู้ค้าได้ในอนาคต เพราะฉะนั้น ตนเห็นความปรารถนาดีที่ น.พ.ชลน่าน ต้องการจะแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยลดจำนวนผู้เสพ แต่ก็ต้องหามาตรการที่เหมาะสมในการจูงใจและให้ความร่วมมือกับผู้ที่มาบำบัด ไม่ใช่เอาง่ายเข้าว่าโดยการประกาศเพิ่มเพดานจาก 5 เม็ด เป็น 10 เม็ด ดังที่ปรากฏเป็นข่าวในขณะนี้
“ผมก็เห็นความตั้งใจของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยเอง ในการแก้ไขปัญหาและปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง ถ้าจำกันได้ในช่วงเมื่อ 20 ปีก่อน ที่มีข่าวการจัดระเบียบสังคมและข่าวการปราบปรามยาเสพติดอย่างรุนแรง จนกระทั่ง รัฐบาลในยุคนั้นสามารถปักธงประกาศชัยชนะกับยาเสพติดได้ และได้นำมาเป็นจุดขายในการหาเสียงมาตลอด แม้กระทั่ง ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่ผ่านมา ถึงกับประกาศในป้ายหาเสียงว่า ‘เพื่อไทยมา ยาเสพติดหมดไป’ แต่ปรากฏว่า ขณะนี้ น.พ.ชลน่าน กลับมีนโยบายที่เปรียบเสมือนกับส่งเสริมให้คนครอบครองยาเสพติดมากขึ้น จนหวั่นใจว่า จะมีผู้ค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นอีก รวมทั้งยาเสพติดก็เป็นของอันตรายที่แม้แต่เพียงครึ่งเม็ดก็สร้างผลร้ายต่อตัวเอง สังคม และประเทศชาติ
ดังนั้น ผมเห็นว่า ถ้าต้องการให้ผู้เสพมีจำนวนน้อยลงแล้ว นอกจากการที่ออกนโยบาย Quick Win (ควิกวิน) ที่จะเร่งรัดให้เห็นผลใน 100 วัน 3 นโยบายหลัก เช่น จัดตั้งมินิธัญญารักษ์ ดูแลผู้ป่วยยาเสพติดระยะยาวให้ครอบคลุม 76 จังหวัดทั่วประเทศ การตั้งหอผู้ป่วยจิตเวชทุกจังหวัด รวมทั้ง มีกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติดทุกอำเภอแล้ว ก็อยากให้ น.พ.ชลน่าน ได้ลงไปดูข้อเท็จจริง ถึงกระบวนการในปัจจุบันว่า เป็นอย่างไร รวมทั้ง การวางมาตรการเพิ่มเติม โดยอาจจะสร้างความมั่นใจและการคุ้มครองให้กับผู้ที่บำบัดสำหรับการให้ข้อมูลผู้ขายจนสามารถไปถึงผู้ขายรายใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยกันในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและผู้ค้ายาเสพติดได้อีกทางหนึ่งด้วย” นายชัยชนะกล่าว