ตร.แจ้งข้อหา"บิ๊กโจ๊ก"พันเว็บพนันมินนี่ส่งป.ป.ช.-ผบ.ตร.ปัดดิสเครดิต

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า คดีเครือข่ายเว็บพนันมินนี่การสอบสวนแยกออกเป็น2สำนวน คดีแรกเนคดีหลักมีผู้ต้องหา 61 คน ส่วนอีกสำนวนคดี เป็นการสืบสวนขยายผลพบผู้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเพิ่มอีก5ราย เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการร้องทุกข์กล่าวโทษ สำนวนอยู่ในความรับผิดชอบของ ปปช. แล้วเนื่องจากมีเรื่องหลักเกณฑ์ผู้ถูกกล่าวโทษเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ โดยมีชื่อพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.รวมอยู่ในสำนวนถูกดำเนินคดีในความผิดตามมาตรา 157,149 หากปปช.พิจารณาส่งสำนวนกลับมาให้พนักงานสอบสวนทำก็จะมีการแจ้งข้อหาในความผิดฐานฟอกเงินเพิ่มเติมกับทั้ง 5 อีก1ข้อหา เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนตำรวจได้ทำหนังสือไปยัง ปปช. เพื่อขอรับสำนวนคดีดังกล่าวกลับมาดำเนินการเนื่องจากมองว่าเป็นคดีเกี่ยวพันต่อเนื่องกับคดีแรก 
 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เกมการเมืองในแวดวงตำรวจ ดำเนินการไปตามข้อเท็จจริงตั้งแต่สมัยที่ยังดำรงตำแหน่งเป็น ผบก.ปปป. ก่อนจะมีการขยายผลต่อเนื่องจนไปพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องเพิ่มเติมถือเป็นเรื่องสะเทือนใจ เพราะมีตำรวจเข้าไปร่วมกระทำผิด ยิ่งเมื่อเห็นตัวเงินกว่า 3 ร้อยล้านบาท ผ่านเข้าไปในระบบหรือเส้นทางการเงิน จึงปล่อยผ่านไม่ได้ หากปล่อยไว้จะกลายเป็นมะเร็งร้ายกัดกร่อนวงการตำรวจให้เสื่อมเสียชื่อเสียง 

“เรามีหลักฐานบ่งบอกถึงคนที่เบิกเงินและแสดงไปถึงกลุ่มบุคคลต่างๆที่ได้รับเงินจากบัญชีม้าตัวนี้จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบเงินมีการกระจายไปยังบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องทางคดีเกือบครบทุกคน บางคนก็มาในนามญาติพี่น้องแต่กว่าครึ่งหนึ่งจะไหลไปที่หัวหน้า ซึ่งเป็นการนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่าจะมีเพียงแค่เงินจากบัญชีม้าจากเว็บพนันเครือข่ายมินนี่เพียงเท่านี้ น่าจะมีจากเว็บอื่นๆอีกด้วยอยู่ระหว่างตรวจสอบให้แน่ชัด ผิดถูกมีเพียงศาลเท่านั้นตัดสิน ยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่มีรังแกใคร”พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว 

เวลาต่อมา พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยท่าทีล่าสุด หลังมีการแจ้งความดำเนินคดีกับพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ว่า ได้มอบหมายให้ พลตำรวจเอก ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ดูแลคดีนี้ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบตั้งแต่ในยุคของพลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชา ก็ได้มีการพูดคุยกับพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถ้าจะมีก็เป็นแค่เรื่องส่วนตัวที่จะไม่พอใจเพราะยังไงตำรวจก็ต้องทำงานเพื่อประชาชนอยู่แล้ว

ส่วนเรื่องที่ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ เคยให้สัมภาษณ์ออกแนวตัดพ้อว่า ตนไม่ได้ดูแลกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท.  หรือ ไซเบอร์ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ ชี้แจงว่าได้กระจายงานตามหน้างานความรับผิดชอบของแต่ละองค์กร พร้อมกับตั้งคำถามว่า ไซเบอร์ต้องอยู่กับความมั่นคงหรือไม่ เพราะทุกหน่วยงานก็เกี่ยวข้องกับความมั่นคงหมดและพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ก็เป็นคนขอเลือกดูแลเรื่องความมั่นคงเอง พร้อมกับยุติการดูแลกลุ่มงานสืบสวนสอบสวน และที่สังคมมองว่าพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์เกิดออกอาการน้อยใจปกติก็เป็นคนพูดจาทำนองนี้ แต่เวลาที่มาคุยกันก็ปกติ ไม่ได้มีอาการแบบนี้

"ขอยืนยันว่าไม่มีการดิสเครดิตอย่างแน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างว่ากันไปตามพยานหลักฐานจะปั้นแต่งอย่างไรก็สามารถพิสูจน์ได้แต่ถ้าบิ๊กโจ๊กผิดจริงก็ต้องยอมรับผิดแต่ถ้าไม่ผิดคณะพนักงานสอบสวนก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบว่าใช้หลักฐานเท็จในการแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ทั้งหมดสามารถตรวจสอบได้โดยปปช.จะเป็นผู้ตรวจสอบชี้มูลความผิด ที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ให้สัมภาษณ์ว่ามีตำรวจยศนายพันโทรศัพท์มาหาลูกน้องของตัวเองที่ตกเป็นผู้ต้องหา ให้กลับคำให้การยังอยู่ระหว่างรอรับการรายงานจากชุดทำงานแต่ถ้าหากมีการโทรศัพท์พูดคุยกันจริง ก็สามารถตรวจสอบได้" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าว