posttoday

อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง8ทหารคดีสลายชุมนุมตากใบ มีผู้เสียชีวิต78ศพ

18 กันยายน 2567

ประยุทธ เพชรคุณโฆษก อสส.นำทีมแถลง อัยการสูงสุด สั่งฟ้อง‘พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร’อดีตผู้บัญชาการ พล.ร.5 กับพวก 7ผู้ควบคุมรถ โดนร่วมกันฆ่าขนย้ายผู้ชุมนุมหน้า สภ.ตากใบ ให้ทันสั่งฟ้อง 25 ต.ค.นี้ ก่อนคดีจะหมดอายุความ

เมื่อวันที่ 18 ก.ย.2567 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการอาคารเอ ถนนแจ้งวัฒนะ นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายณรงค์ ศรีระสันต์ รองสำนักงานอัยการสูงสุด นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันแถลงข่าว อัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดีสลายการชุมนุมตากใบ และมีผู้เสียชีวิตระหว่างควบคุมตัว เหตุเกิดเมื่อปี2547

สำหรับคดีนี้ อัยการสูงสุด ได้รับสำนวนคดีวิสามัญฆาตกรรมและสำนวนไต่สวนชันสูตรพลิกศพของศาลจังหวัดสงขลาจากพล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผช.ผบ.ตร.รักษาการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2567 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2547 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ตากใบ ได้จับกุมนายกามา อาลี กับพวกรวม 6 คน ข้อหาแจ้งความเท็จและยักยอกทรัพย์ กรณีนำอาวุธปืนที่ใช้คุ้มครองหมู่บ้านไปให้คนร้ายแต่ความว่าถูกคนร้ายปล้นปืน
 

ต่อมาวันที่ 25 ตุลาคม 2547 เวลา 10.00 น.กลุ่มมวลชนประมาณ300 - 400 คนำปชุมนุมกันที่หน้า สภ.ตากใบ เรียกร้องให้ปล่อยผู้ต้องหาทั้งหมดทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข กระทั่งเวลา 13.00 น. พล.ท.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี แม่ทัพภาคที่ 4 (ในขณะนั้น)ได้สั่งให้เลิกการชุมนุมแต่ไม่เป็นผล โดยผู้ชุมนุมเสนอเงื่อนไขเรียกร้องให้ปล่อยผู้ต้องหาทั้งหมดทันที เหตุการณ์วุ่นวายได้เพิ่มทวีความรุนแรงขึ้น

ต่อมาพล.ต.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร ผู้ต้องหาที่ 1 ในคดีวิสามัญฆาตกรรม (ยศในขณะนั้น) ได้เรียกกำลังจากหน่วยต่าง ๆ และจัดรถยนต์บรรทุก จำนวน 25 คัน มาเตรียมพร้อมสลายการชุมนุม

กระทั่งในเวลา 16.00.น. เจ้าหน้าที่จึงเข้าสลายการชุมนุมและจับกุมกลุ่มผู้ประท้วงขึ้นรถบรรทุกทั้ง 25 คัน เฉลี่ยคันละ 40 - 50 คน เพื่อออกเดินทางในเวลาประมาณ 19.00 น. นำผู้ชุมนุมทั้งหมดไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ถึงค่ายอิงคยุทธบริหาร เวลาประมาณ 21.00.น.

แต่เมื่อนำตัวผู้ถูกควบคุมลงจากรถบรรทุกปรากฏว่า ได้ถึงแก่ความตายทั้งหมด 78 คน โดยรถบรรทุกที่มีผู้ถึงแก่ความตาย มีผู้ต้องหาที่ 2, 3, 4, 5, 6 และ 8 เป็นพลขับ โดยมีผู้ต้องหาที่ 7 เป็นผู้ควบคุมขบวนรถ พนักงานสอบสวน สภ.หนองจิก จังหวัดปัตตานี ได้กล่าวหาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเป็นคดีวิสามัญฆาตกรรมและสำนวนชันสูตรพลิกศพ โดยทั้งสองคดีมีรายละเอียด ดังนี้

1. สำนวนวิสามัญฆาตกรรมมี พ.ต.อ.พัฒนชัย ปาละสุวรรณ เป็นผู้กล่าวหา มีผู้ต้องหาทั้งหมด 8 คน ประกอบด้วย พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร ผู้ต้องหาที่ 1 ร.ต.ณัฐวุฒิ เลื่อมใส ผู้ต้องหาที่ 2 นายวิษณุ เลิศสงคราม ผู้ต้องหาที่ 3 ร.ท. วิสนุกรณ์ ชัยสาร ผู้ต้องหาที่ 4 นายปิติ ญาณแก้ว ผู้ต้องหาที่ 5 พ.จ.ต. รัชเดช หรือพิทักษ์ ศรีสุวรรณ ผู้ต้องหาที่ 6 พ.ท.ประเสริฐ มัทมิฬ ผู้ต้องหาที่ 7 ร.ท.ฤทธิรงค์ พรหมฤทธิ์ ผู้ต้องหาที่ 8 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 288 คดีดังกล่าว ซึ่งพนักงานสอบสวนเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง โดยอ้างว่าผู้ต้องหาทั้งหมดปฏิบัติราชการตามหน้าที่

 2. สำนวนชันสูตรพลิกศพเกี่ยวกับการตายของผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 78 คนดังกล่าว พนักงานสอบสวน ได้ส่งสำนวนให้กับพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี เมื่อปี 2547 และพนักงานอัยการได้ยื่นคำร้อง ต่อศาลจังหวัดปัตตานี เพื่อไต่สวนชันสูตรพลิกศพตามขั้นตอนของกฎหมายในปีเดียวกัน 

ต่อมาในระหว่างไต่สวนได้มีการโอนสำนวนมาทำการไต่สวนที่ศาลจังหวัดสงขลา โดยญาติผู้ตายได้แต่งตั้งทนายเข้ามาถามค้านการไต่สวนของศาลด้วย และในปี 2548 ศาลจังหวัดสงขลาได้ไต่สวนเสร็จสิ้น และมีคำสั่งว่าผู้ตายทั้ง 78 คน ตายที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547

เหตุและพฤติการณ์ที่ตายคือ ผู้ตายทั้ง 78 คน ขาดอากาศหายใจ ในระหว่างอยู่ในการควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่หลังจากศาลมีคำสั่งได้ส่งคืนคำสั่งพร้อมเอกสกสารที่เกี่ยวข้องให้กับพนักงานอัยการ 

ในปี 2548 พนักงานอัยการได้ส่งเอกสารที่ได้รับจากศาลพร้อมถ้อยคำสำนวนทั้งหมดคืนให้กับพนักงานสอบสวน สภ.หนองจิก เพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินการส่งเอกสารทั้งหมดพร้อมสำนวนวิสามัญฆาตกรรมให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณามีความเห็นและคำสั่ง ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการสั่งคดีวิสามัญฆาตกรรม ซึ่งผู้ตายถูกเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ฆ่าตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 143 วรรคท้าย
 
หลังจากอัยการสูงสุดได้รับสำนวนวิสามัญฆาตกรรมและสำนวนไต่สวนชันสูตรพลิกศพของ ศาลจังหวัดสงขลาจากพล.ต.ท. อิทธิพล อัจฉริยะประดิษธ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วได้มีคำสั่งสอบสวนเพิ่มเติมในหลายประเด็น และกำหนดให้ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติม ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2567

ต่อมาวันที่ 12 กันยายน 2567 อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา 8 คน ในสำนวนคดีวิสามัญฆาตกรรม โดยมี พล.อ.เฉลิมชัย วิรุฬห์เพชร อดีตผู้บัญชาการ พล.ร.5 เป็นผู้ต้องหาที่ 1 ส่วนอีก 7 คน เป็นพลขับ ในการนำตัวผู้เสียชีวิตทั้ง 78 คน ไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร

โดยมีคำวินิจฉัยว่า แม้จำเลยทั้ง 8 คน จะไม่ประสงค์ต่อผลที่จะให้ผู้ตายถึงแก่ความตายก็ตาม แต่การจัดหารถเพียง 25 คัน ในการบรรทุกผู้ชุมนุมกว่าพันคน อันเป็นการแออัดเกินกว่าวิธีการบรรทุกคนที่เหมาะสม เป็นเหตุให้ผู้ตายทั้ง 78 คน ขาดอากาศหายใจ ระหว่างอยู่ในการควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่

ดังนั้น การกระทำของจำเลยทั้ง 8 คน จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ซึ่งทางอัยการสูงสุด ได้มีความเห็นส่งกลับไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ตำรวจติดตามตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน มารับทราบข้อหากล่าว ก่อนคดีหมดอายุความ วันที่ 25 ตุลาคม 2567 ซึ่งหากไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหามาส่งศาลได้ทันตามกรอบเวลา จะถือว่าคดีสิ้นสุดลง ขาดอายุความอายุความคดีอาญา 20 ปี ไม่สามารถดำเนินคดีได้อีก

สำนวนคดีที่ประชาชนยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนราธิวาสเอง นั้นชื่อผู้ต้องหาไม่ใช่ชุดเดียวกัน มีเพียง พล.อ.เฉลิมชัยผู้ต้องหาคนเดียวที่มีชื่อตรงกันทั้งในสำนวนคดีของพนักงานสอบสวนและสำนวนคดีที่ประชาชนยื่นฟ้องคดีต่อศาลเอง 

ส่วนขั้นตอนต่อไปหากอัยการยื่นฟ้องสำนวนคดีต่อศาลแล้ว จะนำไปรวมกับสำนวนคดีที่ประชาชนฟ้องเองและศาลได้ประทับฟ้องไว้แล้วหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล และเรื่องของอายุความคดีที่ศาลประทับฟ้องคดีไว้แล้วจะเป็นอย่างไรในส่วนของสำนักงานอัยการไม่มีข้อมูล

สำหรับในสำนวนคดีที่ประชาชนยื่นฟ้อง ซึ่งมี พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 สส.บัญชีชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นหนึ่งในผู้ต้องหานั้น จะได้รับความคุ้มกันตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 เนื่องจากอยู่ระหว่างสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตามขั้นตอนศาลจะได้มีหนังสือไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อหารือที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่าจะให้เอกสิทธิ์คุ้มครองหรือไม่ รวมทั้งมีหมายเรียก และมีหนังสือแจ้งให้พล.อ.พิศาล ทราบว่า ศาลได้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 ขอให้พล.อ.พิศาล แถลงต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อสละเอกสิทธิ์คุ้มครองและมาศาล ซึ่งศาลจังหวัดนราธิวาานัดในวันที่ 15 ตุลาคมนี้

ทั้งนี้ นายประยุทธ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่า การที่คดีตากใบมีความล่าช้านาน19 ปีมาจากเหตุผลใดให้ไปสอบถามทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ยอมรับว่า เป็นครั้งแรกมีการใช้เวลาสั่งฟ้องคดีนาน พร้อมย้ำว่าหากสุดท้ายแล้วเกิดมีผลกระทบที่เป็นความเสียหายจากการไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้ ก็ให้สังคมและทุกภาคส่วนช่วยกันถอดเป็นบทเรียน

เมื่อถามว่าคดีนี้สำนวนที่ถูกดองมาเนิ่นนานเป็นเวลา 19 ปีเคยเกิดขึ้นมาก่อนหรือไม่ นายประยุทธ กล่าวว่า ไม่มีข้อมูลในเชิงสถิติ แต่ตั้งแต่ตนเป็นอัยการมาไม่เคยได้ยินมาก่อน ที่ว่าเป็นเรื่องแปลกหรือไม่คิดว่าทุกคนสามารถตอบแทนกันได้