posttoday

จีนปล้นจีน โผล่ พระรามเก้า 2 คดี นั่งอัลพาร์ดหนี-บิดคริปโต

10 มกราคม 2568

พ.ต.อ.ประสพโชค ผกก.สน.ห้วยขวาง เผย จีนปล้นจีน โผล่ย่านพระรามเก้า 2 คดี วิ่งราวนั่งอัลพาร์ดหนี - บิดเหรียญคริปโต อยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวคนร้าย

จากกรณีมีผู้เสียหายชาวจีน 1 คน ถูกชาย 3 คน วิ่งราวทรัพย์เป็นเงิน 5 ล้านบาท จากการสอบถามเบื้องต้น ผู้เสียหายได้นัดทำการแลกเงินเปลี่ยนเป็นเหรียญคลิปโต โดยได้นำเงินสด 5 ล้านบาท ใส่กระเป๋าสีดำมาให้ผู้ก่อเหตุที่บ้านหลังหนึ่ง ภายในซอยประชาราษฏร์บำเพ็ญ 12 เขตห้วยขวาง 

 

โดยได้วางกระเป๋าเงินลงบนโต๊ะ จากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุได้นำกระเป๋าเงินดังกล่าวหลบหนีขึ้นรถตู้อัลพาร์ตสีขาว กทม. มุ่งหน้าอโศก ซึ่งผู้เสียหายได้นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างติดตามไป แต่ไม่ทัน จึงเข้าแจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง

 

พันตำรวจเอกประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่าเหตุเกิดขึ้น ภายในร้านรับส่งพัสดุ แห่งหนึ่งภายในซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 12 โดยเป็นเหตุวิ่งราวทรัพย์ ที่ผู้เสียหายนำเงินสดจำนวน 5 ล้านบาท มา แลกเป็นเหรียญคริปโต โดยระหว่างการเจรจา ฝั่งผู้ก่อเหตุแจ้งว่าได้โอนเงินเข้าไปยังบัญชีผู้เสียหายแล้ว แต่ผู้เสียหายตรวจสอบกลับพบว่าไม่มีเงินคริปโตโอนเข้ามา จึงเกิดเหตุทะเลาะกัน จากนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุที่คิดว่าได้โอนเงินให้แล้วจึงนำเงินดังกล่าวไป

เบื้องต้นตำรวจ พบว่าภายในกระเป๋าเงินสดที่ผู้ก่อเหตุนำไปนั้น ผู้เสียหายใส่โทรศัพท์มือถือไว้ โดยระบุจีพีเอสล่าสุด พิกัดอยู่ที่ สวนสุขภาพแต้จิ๋ว เขตยานนาวา เจริญราษฎร3 

 

ต่อมาในช่วงเวลาเดียวกันได้เกิดเหตุคนจีนฉ้อโกงคนจีนด้วย โดยเหตุเกิดขึ้นที่อาคารจีทาวเวอร์ ย่านพระราม 9 ผู้เสียหาย 2 คนนำเงินสด 8 ล้านบาท มาแลกเหรียญคริปโต กับชาวจีน 4 คน โดยระหว่างเจรจาผู้ก่อเหตุได้โอนเหรียญคริปโตไปยังบัญชีหนึ่ง ที่มีเจ้าของบัญชีเป็นคนจีนและทำหน้าที่เป็นคนกลางนัดให้ทั้งสองฝ่ายมาเจอกัน 

 

โดยขณะเจรจา ฝ่ายผู้เสียหายบอกว่ายังไม่ได้รับโอนเหรียญคริปโต แต่ฝั่งผู้ก่อเหตุก็ยืนยันว่าได้ทำการโอนเหรียญคริปโตไปแล้ว จึงนำเงินสด 8 ล้านบาทหนีไป ต่อมาผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความที่สน. ห้วยขวาง 

 

เบื้องต้น จากการตรวจสอบตำรวจพบว่าผู้ก่อเหตุที่แท้จริง คือ เจ้าของบัญชีคนกลางที่นัดหมายทั้งสองฝ่ายให้มาเจอกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าอาศัยอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ 

 

สำหรับทั้ง 2 คดีที่เกิดขึ้น ผู้กำกับการสน. ห้วยขวาง ระบุว่า ยังไม่พบความเชื่อมโยงว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นเครือข่ายเดียวกัน แต่ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งติดตาม เพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคลผู้กระทำผิดสกัดกั้นไม่ให้ผู้ก่อเหตุหลบหนีออกนอกประเทศ