น้ำแข็งที่แอนตาร์กติกละลายเร็วขึ้น: นักวิจัยไทยเผยสัญญาณเตือนภัยโลกร้อน
ทีมนักวิจัยไทยภายใต้โครงการวิจัยขั้วโลก จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายงานการเปลี่ยนแปลงที่น่าวิตกที่แอนตาร์กติก หลังพบการละลายของน้ำแข็งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับการสำรวจเมื่อ 11 ปีก่อน
ทีมนักวิจัยไทยภายใต้โครงการวิจัยขั้วโลกตามพระราชดำริในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจเกี่ยวกับการละลายของน้ำแข็งที่แอนตาร์กติก หลังเดินทางถึงสถานีวิจัยเกรทวอลล์เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ อาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ และรองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ และรองกรรมการผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้าทีมวิจัย เปิดเผยว่าสถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คาดการณ์ไว้ "น้ำแข็งและหิมะหายไปจากหลายพื้นที่อย่างเห็นได้ชัด และที่น่าวิตกคือแม้แต่หิมะที่ตกใหม่ก็ละลายทันทีเมื่อถึงพื้น สะท้อนให้เห็นว่าอุณหภูมิในแอนตาร์กติกสูงขึ้นผิดปกติ"
ทีมวิจัยประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์ 3 คน ได้แก่ ศ.ดร.สุชนา ชวนิชย์ และ ผศ.ดร.สุจารี บุรีกุล จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายนิพัธ ปิ่นประดับ จากมหาวิทยาลัยบูรพา พร้อมด้วยนายภคินัย ยิ้มเจริญ ช่างภาพจากสยามโสภา ร่วมเดินทางกับคณะสำรวจทวีปแอนตาร์กติกแห่งจีนคณะที่ 41 (CHINARE 41) ของสถาบันวิจัยขั้วโลกแห่งจีน
การศึกษาครั้งนี้ครอบคลุมหลายด้าน โดยทีมวิจัยได้เก็บตัวอย่างดินตะกอน มูลของแมวน้ำและเพนกวิน เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบของขยะทะเล ไมโครพลาสติก และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศต่อระบบนิเวศทางทะเล นอกจากนี้ยังตรวจวัดมลพิษทางอากาศ ซึ่งผลเบื้องต้นพบว่าอากาศในแอนตาร์กติกยังคงบริสุทธิ์มากเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ของโลก
เมื่อเปรียบเทียบกับการสำรวจเมื่อ 11 ปีก่อน พบการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยน้ำแข็งในหลายพื้นที่ได้ละลายและหายไป สะท้อนให้เห็นผลกระทบของภาวะโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้น
การสำรวจครั้งนี้มีความพิเศษ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองวาระสำคัญในปี 2568 ทั้งในโอกาสที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา และการครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและจีน โดยจะมีการจัดทำหนังสือและสารคดีเกี่ยวกับการศึกษาวิจัยขั้วโลกของไทยเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชนต่อไป