"นฤมล" ลั่น!ปกป้องเกษตรกรไทย 30 ล้านคน ไม่สนนโยบายภาษี "ทรัมป์"
นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.เกษตรฯ ประกาศกร้าว ปกป้องเกษตรกร 30 ล้านคน ไม่แลกสุขภาพ-อนาคตไทยกับดีลการค้าสหรัฐฯ ยันไม่ยอมอุ้มนายทุนข้ามชาติ
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงจุดยืนชัดเจนระหว่างลงพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ว่ากระทรวงเกษตรฯ จะไม่ยอมให้เกษตรกรไทยกว่า 30 ล้านคนต้องเสียประโยชน์จากข้อตกลงการค้าใด ๆ เพียงเพื่อเอาใจประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ
หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 เมษายน ซึ่งมีการเตรียมข้อมูลสำหรับทีมไทยที่จะไปเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ นฤมลระบุว่า ตนได้ท้วงติงอย่างตรงไปตรงมาในที่ประชุมว่า การตัดสินใจใด ๆ ต้องไม่ใช่การนำผลประโยชน์ของเกษตรกรไทยไปแลกกับการลดภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรม เช่น โทรศัพท์มือถือ ชิ้นส่วนรถยนต์ หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการผลิตของบริษัทต่างชาติในไทย
“เรามาจากเสียงของประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรไทย ไม่ใช่เสียงของเกษตรกรอเมริกัน อย่านำเกษตรกรไทยไปเป็นของแลกกับฐานเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์” นฤมลกล่าว
ค้านการนำเข้าเนื้อหมูที่ใช้สารเร่งเนื้อแดง
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกคือการเจรจาเปิดตลาดนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐฯ ซึ่งมีการใช้สารเร่งเนื้อแดง (ที่ไทยห้ามใช้ตามกฎหมาย) นฤมลเตือนว่า หากยอมให้แก้กฎหมายเพื่อเอื้อการนำเข้า จะเปิดช่องให้ประเทศอื่นที่ใช้สารเดียวกันส่งเข้ามาด้วย และสุดท้ายจะทำให้เกษตรกรไทยต้องหันไปใช้สารอันตรายนี้เช่นกัน เพื่อแข่งขันด้านราคา
“นี่ไม่ใช่แค่ผลกระทบต่อเกษตรกร แต่ยังเป็นความเสี่ยงต่อสุขภาพของคนไทยทั้งประเทศ”
ยกตัวอย่างผลกระทบในอดีต
นฤมลยังยกกรณีที่ไทยเคยเปิดตลาดเนื้อวัวให้กับออสเตรเลีย จนทำให้ราคาวัวไทยตกต่ำ และเกษตรกรเดือดร้อนทั่วประเทศ กระทรวงเกษตรฯ ต้องเร่งหาตลาดใหม่ เช่น จีน เพื่อช่วยระบายสินค้า พร้อมระบุว่า ข้อตกลงการค้าที่ผ่านมา มักเป็นประโยชน์ต่อชาติต่าง ๆ มากกว่าเกษตรกรไทย
ฝากเตือนประชาชนจำหน้าการเมืองอุ้มนายทุน
เธอทิ้งท้ายด้วยการเตือนประชาชนให้จำชื่อจำหน้าการเมืองที่หาเสียงด้วยคำว่า “เกษตรกรมาก่อน” แต่พอได้ตำแหน่งกลับสนับสนุนนายทุน พร้อมย้ำว่ากระทรวงเกษตรฯ จะยืนหยัดเคียงข้างเกษตรกรไทยและไม่ยอมให้เสียเปรียบในเวทีการค้าระหว่างประเทศอีกต่อไป
เดินหน้าโครงการสนับสนุนเกษตรกรต่อเนื่อง
ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ นฤมลและคณะยังได้เปิดงานถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี พร้อมส่งเสริมศูนย์ข้าวชุมชนที่มีอยู่กว่า 6,000 แห่งทั่วประเทศ และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 7,000 แห่งในปี 2568
นอกจากนี้ ยังมีการมอบปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ อาทิ ต้นกล้วยหอมทอง พันธุ์ปลา 200,000 ตัว กุ้งก้ามกราม 40,000 ตัว เมล็ดพันธุ์ข้าวกว่า 270,000 กิโลกรัม รวมถึงการมอบโฉนดที่ดินเพื่อการเกษตร