“ทวิดา” เผยเงินเยียวยาตึกถล่ม เริ่มจ่าย 18 เม.ย. เสียชีวิตรับ 1 แสน
รองผู้ว่าฯ ทวิดาเผย เตรียมจ่ายเงินเยียวยากรณีตึก สตง. ถล่มล็อตแรกหากทุกอย่างเรียบร้อยเริ่ม 18 เม.ย. นี้ ด้านกระทรวงมหาดไทยประกาศเพิ่มวงเงินผู้เสียชีวิตเป็น 1 แสนบาท
(15 เม.ย. 68) รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวันเหตุอาคาร สตง. ถล่มจากแผ่นดินไหว ว่า เมื่อคืนนี้ (14 เม.ย.) ได้มีการเคลียร์ความสูงของซากอาคารในทุกโซน ทั้ง A, B, C และ D ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปตามแผน
เเต่ปัญหาตอนนี้คือเส้นเหล็กบางจุดที่ขวางทำให้เจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัยไม่สามารถลงไปสำรวจตามโพรงต่าง ๆ ได้ วันนี้จึงได้มีการนำเครื่องจักรตัดเหล็กมาเพิ่มจำนวน 1 คัน เพื่อให้การค้นหาและรื้อถอนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันเหลือยอดความสูงของซากอาคารที่ประมาณ 19 เมตร ตอนนี้มียอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 44 คน บาดเจ็บ 9 คน สูญหาย 50 คน
สำหรับการพิสูจน์อัตลักษณ์ จากรายชื่อที่ได้จาก สตม. ทั้งหมด 103 ราย พบเเล้ว 91 ราย เเต่ยังมีรายชื่อที่ยังตกหล่น โดยตอนนี้กำลังประสานกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานให้ตรวจสอบ น่าจะสามารถติดตามได้ทั้งหมด รวมถึงจะให้สำนักงานการต่างประเทศของ กทม. ประสานไปยังกระทรวงต่างประเทศด้วย ในการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์เพิ่มจากชายแดนของสถานทูตเมียนมา
ขณะเดียวกันกระทรวงมหาดไทยเพิ่มวงเงินในการจัดการศพเป็นศพละ 100,000 บาท โดยที่ไม่คิดในรายละเอียดว่าเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือเป็นผู้หารายได้หลักของครอบครัวหรือไม่ คาดกำหนดจ่าย ล็อตแรกที่ได้รับการรับรองแล้วในวันที่ 18 เมษายน ที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งขณะนี้ขอเวลาให้ทาง กทม. เร่งนำร่างไปพิสูจน์อัตลักษณ์ต่อไป
อัพเดทล่าสุด เครื่องมือหนักขึ้นถึงยอดซากอาคารแล้ว เปิดทางใหม่ เร่งภารกิจพาผู้สูญหายกลับบ้าน
(15 เม.ย.68) เวลาประมาณ 15.30 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงสถานการณ์ล่าสุดของอาคารสตง. เขตจตุจักร ผ่านเพจ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ว่า เมื่อคืนนี้พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 3 ราย ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิต ณ ขณะนี้อยู่ที่ 44 ราย ซึ่งขณะนี้การรื้อซากอาคารสามารถนำรถเครื่องมือหนักขึ้นมาถึงยอดบนสุดได้แล้ว ซึ่งมีความสูงจากพื้นดินประมาณ 19-20 เมตร จากเดิมที่มีความสูงกว่า 100 เมตร
โดยหากค้นพบสัญญาณชีพหรือเคสชิ้นส่วนอวัยวะ เครื่องมือหนักก็ต้องหยุดการทำงานทันที เพื่อส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าค้นหาสลับกันไป นอกจากนี้จะมีเจ้าหน้าที่คอยมอนิเตอร์เหตุการณ์อย่างละเอียดอยู่บนอาคารสูงตลอดเวลาอีกด้วย โดยภารกิจขณะนี้เน้นที่การค้นหาผู้สูญหายควบคู่กับการรื้อซากอาคารไปพร้อมกัน
ที่ผ่านมามีฝนตกหนักในพื้นที่เขตจตุจักร ก็มีหลายภาคส่วนเป็นห่วงเรื่องเศษดินและปูน สไลด์ถล่มจากอาคาร แต่ทางทีมงานผู้เชี่ยวชาญก็ได้ดำเนินการทำเนินไว้เพื่อป้องกันดินสไลด์ซึ่งมีความมั่นคง พร้อมมีเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญดูแลอยู่ตลอดเวลา จึงสามารถวางใจได้ในเรื่องของดินปูนจากอาคารที่สไลด์ลงมา
นอกจากนี้ยังมีการเปิดออกทางที่บริเวณโซน C เพื่อขนซากปูนและเหล็กของซากอาคารออกอีกหนึ่งช่องทางนอกเหนือจากช่องทางหลัก เพื่อขนส่งซากอาคารไปสู่ที่ดินของการรถไฟถนนกำแพงเพชร 7 จึงทำให้การขนซากอาคารออกจากพื้นที่มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นอีกด้วย