posttoday

ปมร้อนพาวิเลียนไทย EXPO 2025 ปมชื่อบริษัท-ขั้นตอนจัดจ้าง

20 เมษายน 2568

ความคลุมเครือในการจัดจ้างและการเปลี่ยนแปลงราคากลางของพาวิเลียนไทย ซ้ำด้วยชื่อบริษัทที่ดูใกล้เคียงเกินไป จุดประกายคำถามต่อความโปร่งใสของโครงการ

การเข้าร่วมงาน World EXPO 2025 ของประเทศไทย ซึ่งจัดขึ้นที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เริ่มเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องหลังการเปิดตัวเมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา โดยเฉพาะประเด็นเรื่องรูปแบบการจัดแสดงที่หลายฝ่ายมองว่าไม่ตอบโจทย์ และการบริหารจัดการโครงการที่อาจขาดความโปร่งใส

 

หนึ่งในข้อกังวลสำคัญคือชื่อของผู้ชนะการประมูล “กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ” ที่มีความคล้ายคลึงกับนิติบุคคลอีกแห่งหนึ่งที่จดทะเบียนจัดตั้งในช่วงใกล้เคียงกับกระบวนการประมูล ก่อนจะเลิกกิจการไปไม่นาน ทั้งที่ชื่อและช่วงเวลาเกี่ยวข้องกันอย่างน่าตั้งข้อสังเกต

 

จุดเริ่มต้นของโครงการ และบทบาทกระทรวงสาธารณสุข

 

โครงการนี้มีจุดเริ่มจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564 ซึ่งเห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมงาน EXPO 2025 และมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพหลัก โดยต่อมาในวันที่ 20 ธันวาคม 2565 รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณสำหรับใช้ดำเนินโครงการระหว่างปี 2566 ถึง 2569 และแต่งตั้งอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเป็น Commissioner General ตัวแทนประเทศไทยในงานดังกล่าว

 

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพจึงกลายเป็นหน่วยงานหลักในการจัดแสดงนิทรรศการไทย พร้อมรับงบประมาณผูกพันข้ามปีวงเงินกว่า 867 ล้านบาท ซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อ 14 มีนาคม 2566

 

การจัดซื้อจัดจ้างที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง

 

กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างดำเนินไปท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงหลายระลอก โดยเริ่มจากการตั้งราคากลางเมื่อ 27 เมษายน 2566 ที่ 867,880,000 บาท โดยอ้างอิงจากราคาท้องตลาดของบริษัทเอกชน 2 ราย ต่อมามีการยกเลิกการคัดเลือกในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากไม่มีผู้ผ่านเกณฑ์ ก่อนจะตั้งราคากลางใหม่โดยใช้แหล่งข้อมูลเดิม

 

ในเดือนกรกฎาคม มีการประกาศผู้ชนะการเสนอราคาครั้งที่สองคือ “กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ” ซึ่งเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางเดิมราว 5.8 ล้านบาท แต่กระบวนการต้องยุติลงในเดือนตุลาคมเนื่องจากผู้ชนะไม่สามารถยืนยันราคาหรือเข้าทำสัญญาได้

 

ต่อมาเมื่อ 17 ตุลาคม มีการตั้งราคากลางรอบใหม่อีกครั้ง ซึ่งลดลงเพียง 3,000 บาทจากรอบก่อนหน้า แต่คราวนี้ใช้ข้อมูลจากผู้เสนอราคารายเดียว และสุดท้ายในวันที่ 20 ตุลาคม 2566 กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ ได้รับการประกาศเป็นผู้ชนะโดยใช้วิธีเฉพาะเจาะจง ด้วยวงเงิน 867.8 ล้านบาท

 

การเปลี่ยนวิธีการจัดจ้างจากการคัดเลือกมาเป็นวิธีเฉพาะเจาะจง พร้อมกับการอ้างอิงราคาจากผู้เสนอเพียงรายเดียวในรอบสุดท้าย ได้กลายเป็นจุดที่ถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสม

 

ความเชื่อมโยงของชื่อบริษัทที่น่ากังวล

 

ชื่อของกิจการร่วมค้าที่ชนะการประมูลไปนั้น มีความใกล้เคียงกับ “บริษัท กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ จำกัด” ซึ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท และแจ้งเลิกกิจการในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 ก่อนจะปิดบัญชีในวันที่ 25 มีนาคม 2567

 

แต่ที่น่าประหลาดใจคือ ในวันที่ 27 มีนาคม 2568 ซึ่งเป็นหลังจากบริษัทดังกล่าวปิดกิจการแล้ว “กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ” ก็ยังได้รับสัญญาใหม่อีกหนึ่งฉบับในการจัดพื้นที่แสดงนิทรรศการชั่วคราว มูลค่า 12.65 ล้านบาท โดยใช้วิธีเฉพาะเจาะจงเช่นเดียวกับครั้งก่อน

 

จากการตรวจสอบข้อมูลทางธุรกิจ ชื่อของกรรมการบริษัทที่เคยจดทะเบียนตรงกับชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับกิจการร่วมค้าที่ชนะการประมูล รวมถึงที่ตั้งของสำนักงานก็อยู่ในเขตเดียวกันในกรุงเทพฯ

 

แม้จะยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่า “กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ” และ “บริษัท กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ จำกัด” เป็นนิติบุคคลเดียวกันหรือไม่ แต่ความคล้ายคลึงในชื่อ ช่วงเวลา และลักษณะของกิจการ ได้จุดประเด็นสงสัยถึงความโปร่งใสในการใช้งบประมาณมหาศาลกว่า 880 ล้านบาท ซึ่งมาจากภาษีของประชาชนในโครงการระดับประเทศที่ควรได้รับการตรวจสอบอย่างรอบคอบ