เปิดมูลค่าลิขสิทธิ์ "โมโตจีพี" ไทย vs ต่างประเทศ ใครจ่ายแพงสุด?
โพสต์ทูเดย์พาเจาะมูลค่าลิขสิทธิ์โมโตจีพี ของไทยเมื่อเทียบกับต่างชาติ เปิดตัวเลขให้เห็นชัดๆว่าใครจ่ายเท่าไหร่ รัฐบาลหนุนมากน้อยแค่ไหน พร้อมเจาะลึกเม็ดเงินจากผู้ชมและสปอนเซอร์ในศึกสองล้อระดับโลก
หากพูดถึงกีฬาอีเวนท์ใหญ่ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก นั่นคือ ฟุตบอลโลก รองลงมาก็การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน
ส่วนกีฬาต่างๆก็มีฐานแฟนคลับที่เข้มข้นไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเรื่องของเจ้าความเร็วอย่าง ฟอร์มูล่าวัน (F1) และ โมโตจีพี (MotoGP)
โมโตจีพีในประเทศไทยที่เพิ่งจบการแข่งขันไปได้รับความสนใจจากแฟนคลับในไทย และต่างประเทศล้นหลาม เห็นได้จากการไปชมในสนามและภาพต่างๆที่ออก
โพสต์ทูเดย์จะพาไปเทียบฟอร์มให้เห็นตัวเลขแบบชัดๆว่า การจัดในไทยเราใช้เงินไปเท่าไหร่ใครมาสนับสนุน เมื่อเทียบกับต่างประเทศ ชาติไหนออกเองหมด หรือชาติไหนได้เงินต่างรัฐบาลหนุน 100%
โมโตจีพี ประเทศไทยในรัฐบาลลุงตู่
ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพโมโตจีพีเริ่มต้นจากการอนุมัติในปี 2017 ในช่วงที่พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
การผลักดันนี้โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เสนอตัวต่อบริษัท ดอร์นา สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขัน
ช่วงนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาคือ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ได้เปิดทางการเจรจา ก่อนที่นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ จะเข้ามาสานต่อจนสำเร็จเป็นการแข่งขันครั้งแรกในปี 2018 ภายใต้ชื่อ "PTT Thailand Grand Prix"
การจัดโมโตจีพีเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยสนามช้างฯ รับหน้าที่จัดเตรียมสถานที่
ขณะที่รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณราว 100 ล้านบาทต่อปีเพื่อจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้ดอร์นา สปอร์ต
ซึ่งสัญญาแรกครอบคลุม 3 ปี (2018-2020) และต่อมาได้ขยายไปถึงปี 2026 พร้อมกำหนดให้ไทยเป็นสนามเปิดฤดูกาลในปี 2025 และ 2026
การลงทุนนี้สร้างผลตอบแทนมหาศาลทั้งด้านเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวและการค้าท้องถิ่นในบุรีรัมย์
การซื้อลิขสิทธิ์ MotoGP ของไทย
1 ไทยซื้อลิขสิทธิ์ MotoGP จาก Dorna Sports มาแล้ว 2 ครั้ง
- สัญญาครั้งที่ 1 (2561-2563):
เซ็นสัญญาเมื่อ 31 สิงหาคม 2560
ระยะเวลา 3 ปี (2018-2020)
ค่าลิขสิทธิ์รวม 1,200 ล้านบาท (เฉลี่ยปีละ 300-400 ล้านบาท)
- สัญญาครั้งที่ 2 (2564-2569):
ต่ออายุเพิ่มอีก 5 ปี (2021-2025)
ค่าลิขสิทธิ์รวม 1,800 ล้านบาท (เฉลี่ยปีละ 360 ล้านบาท)
2 ค่าใช้จ่ายรวมทั้งสองสัญญา
- รวมค่าลิขสิทธิ์ ประมาณ 3,000 ล้านบาท
ปี 2563 ไม่มีการแข่งขันเนื่องจากโควิด-19 แต่สัญญาถูกเลื่อน
3 จำนวนปีที่ไทยจัด MotoGP
7 ปี (2018-2025) และมีแผนจัดต่อในปี 2569 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของสัญญาปัจจุบัน
การสนับสนุนค่าลิขสิทธิ์ MotoGP โดยรัฐบาลไทย
1. หน่วยงานที่สนับสนุน
- กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
- การกีฬาแห่งประเทศไทย
2. งบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล
- สัญญาครั้งที่ 1 (2561-2563) รัฐบาลช่วยจ่ายปีละ 100 ล้านบาท รวม 300 ล้านบาท
- สัญญาครั้งที่ 2 (2564-2569) : รัฐบาลช่วยจ่ายปีละ 100 ล้านบาท รวม 500 ล้านบาท
3. ยอดรวมการสนับสนุน
- รัฐบาลช่วยจ่ายค่าลิขสิทธิ์ MotoGP รวม 800 ล้านบาท ตลอด 8 ปี (2561-2569)
- เฉลี่ย 100 ล้านบาทต่อปี อย่างต่อเนื่อง
เปิดรายได้ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต ได้จากการจัดโมโตจีพี
ข้อมูลดังกล่าว เป็นตัวเลขเป็นการประเมินจากข้อมูลสาธารณะ เนื่องจากสนามช้างฯ ไม่เปิดเผยรายละเอียดการเงินอย่างเป็นทางการ แต่อ้างอิงจากค่าลิขสิทธิ์ต่างๆ การจำหน่ายบัตร การถ่ายทอดสด รวมถึงค่าใช้จ่าย โรงแรม อาหารการกิน
1.รายได้จากค่าตั๋วเข้าชมการแข่งขัน
- รายละเอียด : รายได้หลักจากบัตรเข้าชม มีตั้งแต่บัตรทั่วไป (General Admission) ไปจนถึงบัตรพรีเมียม (Grandstand, VIP, Hospitality Zone)
- ราคาตั๋ว (อิงจากปี 2566-2567):
- General Admission: 1,500-2,000 บาท
- Grandstand: 3,000-5,000 บาท
- VIP/Hospitality: 10,000-20,000 บาท+
- จำนวนผู้ชม: เฉลี่ย 180,000-220,000 คนต่อปี (เช่น ปี 2567 มี 205,343 คน)
ประมาณการรายได้: 500-800 ล้านบาทต่อปี (ขึ้นอยู่กับประเภทบัตรและจำนวนผู้ชม)
2.รายได้จากสปอนเซอร์และการโฆษณา
- รายละเอียด : ได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ เช่น ปตท. (PTT), PTG, ไทยฮอนด้า, ยามาฮ่า, และช้าง (Chang) รวมถึงรายได้จากป้ายโฆษณาและการโปรโมต
- ประมาณการรายได้ 200-400 ล้านบาทต่อปี (ขึ้นอยู่กับจำนวนและขนาดสปอนเซอร์)
3. รายได้จากค่าเช่าสิ่งอำนวยความสะดวกในสนาม
- รายละเอียด : ทีมแข่งขัน, ดอร์น่า สปอร์ต, และผู้จัดงานเช่าพื้นที่ เช่น โรงรถ (Paddock), ห้องควบคุม, อัฒจันทร์, รวมถึงบูธสินค้าและโซนอาหาร
ประมาณการรายได้ : 50-100 ล้านบาทต่อปี
4. รายได้จากร้านค้าและสินค้าที่ระลึก
- รายละเอียด : จำหน่ายของที่ระลึกโมโตจีพี เช่น เสื้อทีม, หมวก, ผ้าพันคอ, โมเดลรถแข่ง และสินค้าจากสปอนเซอร์
ประมาณการรายได้ 20-50 ล้านบาทต่อปี (ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้ชม)
5 รายได้จากอาหารและเครื่องดื่ม
- รายละเอียด โซนอาหารและเครื่องดื่มบริหารโดยผู้รับเหมา/พันธมิตร สนามได้ส่วนแบ่งรายได้หรือค่าเช่าพื้นที่ ใช้งานหนักใน 3 วันของการแข่งขัน
ประมาณการรายได้ 30-70 ล้านบาทต่อปี
6. รายได้จากการถ่ายทอดสด (ถ้ามีส่วนแบ่ง)
- รายละเอียด : ดอร์น่า สปอร์ต ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดหลัก แต่สนามอาจได้ส่วนแบ่งจากสื่อในประเทศหรือการโปรโมต (ข้อมูลไม่ชัดเจน)
- ประมาณการรายได้ 10-30 ล้านบาทต่อปี (ถ้ามี)
สรุปรวมรายได้ทั้งหมด
- รายได้รวมต่อปี อยู่ที่ 810-1,450 ล้านบาท
- ค่าตั๋ว: 500-800 ล้านบาท
- โฆษณา: 200-400 ล้านบาท
- ค่าเช่า: 50-100 ล้านบาท
- ร้านค้า/สินค้าที่ระลึก : 20-50 ล้านบาท
- อาหาร/เครื่องดื่ม : 30-70 ล้านบาท
- ถ่ายทอดสด: 10-30 ล้านบาท
ทั้งนี้รายได้จริงอาจแตกต่างกันตามจำนวนผู้ชมและการเจรจากับสปอนเซอร์ หลังหักค่าใช้จ่าย (เช่น ค่าลิขสิทธิ์ 400 ล้านบาทต่อปี ซึ่งรัฐบาลช่วย 100 ล้านบาท) กำไรสุทธิของสนามอาจอยู่ที่ 400-1,000 ล้านบาทต่อปี
เปิดรายได้การเป็นเจ้าภาพของประเทศต่างๆ
ทีนี้ไปดูของต่างประเทศบ้าง โพสต์ ทูเดย์ พาไปล้วงข้อมูล ของประเทศระดับท็อปของโลกที่เป็นเจ้าภาพโมโตจีพีมายาวนาน บางประเทศรักษาระดับการเป็นเจ้าภาพมาตั้งแต่ครั้งแรกๆมาจนปัจจุบัน
แต่ละประเทศ เช่น กาตาร์, สเปน, ฝรั่งเศส, สหรัฐอเมริกา, อาร์เจนตินา, อิตาลี, และญี่ปุ่น รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการซื้อลิขสิทธิ์จาก ดอร์น่า สปอร์ต Dorna Sports เป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน
เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ถูกเปิดเผยอย่างละเอียดในที่สาธารณะ โดยเฉพาะตัวเลขรายได้ที่แน่นอนและการสนับสนุนจากรัฐบาลมักเป็นข้อมูลภายในระหว่าง Dorna Sports เจ้าของสิทธิ์การแข่งขัน MotoGP และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเทศ มีแหล่งข้อมูลที่รวบรวมมาได้ดังนี้
รายได้จากการจัดการแข่งขัน MotoGP ในแต่ละสนาม
รายได้จากการจัดการแข่งขัน MotoGP มาจากหลายแหล่ง เช่น ค่าตั๋วเข้าชม, การสนับสนุนจากสปอนเซอร์, การท่องเที่ยว, การจำหน่ายสินค้า และผลกระทบทางเศรษฐกิจในท้องถิ่น (เช่น โรงแรม ร้านอาหาร การขนส่ง) ตัวเลขที่แน่นอนมักไม่ถูกเปิดเผยโดย Dorna Sports หรือผู้จัดงานในแต่ละประเทศ แต่เราสามารถประเมินจากตัวอย่างของประเทศไทยและข้อมูลทั่วไปได้
- กาตาร์ (Qatar Grand Prix - Lusail International Circuit)
การแข่งขันที่กาตาร์เป็นสนามเปิดฤดูกาลบ่อยครั้ง (เพิ่งมาเสียให้ไทยปี 2025) และจัดในช่วงค่ำภายใต้แสงไฟ ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญ ดึงดูดผู้ชมทั้งในสนามและผ่านการถ่ายทอดสดทั่วโลก
รายได้ส่วนใหญ่มาจากสปอนเซอร์ (เช่น Qatar Airways) และการท่องเที่ยว เนื่องจากรัฐบาลกาตาร์ใช้ MotoGP เป็นเครื่องมือส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศ คาดว่ามูลค่าทางเศรษฐกิจน่าจะอยู่ในระดับหลายสิบล้านยูโรต่อปี แต่ไม่มีตัวเลขที่ระบุชัดเจน
- สเปน (Spanish Grand Prix - Circuito de Jerez และสนามอื่นๆ)
สเปนเป็นประเทศที่จัดเป็นเจ้าภาพโมโตจีพี ไม่ว่าจะเป็นที่ เฆเรซ (Jerez), คาตาลุนย่า (Catalunya) ,อรากอน (Aragon) และ บาเลนเซีย (Valencia) และแต่ละสนามแข่งขันมีฐานแฟนคลับจำนวนมาก รายได้จากการขายตั๋วและสปอนเซอร์จะสูงมาก
โดยเฉพาะที่ เฆเรซ (Jerez) มีผู้ชมเกิน 100,000 คน ในช่วงจัดแข่ง คาดว่ารายได้รวมทั้งผลกระทบทางเศรษฐกิจอาจสูงถึง 50-100 ล้านยูโรต่อสนาม ขึ้นอยู่กับขนาดงานและจำนวนผู้ชม
- ฝรั่งเศส (French Grand Prix - Le Mans)
ส่วนที่สนาม เลอ มังส์ (Le Mans) เป็นหนึ่งในสนามยอดนิยมในยุโรป มีผู้ชมในสนามราว 100,000-150,000 คนทัวร์ฯ รายได้ส่วนใหญ่มาจากตั๋ว (ราคาเริ่มต้นประมาณ 50-100 ยูโรต่อคน) และสปอนเซอร์ท้องถิ่น คาดว่ารายได้ทางเศรษฐกิจน่าจะอยู่ที่ 30-50 ล้านยูโรต่อการแข่งขัน
- สหรัฐอเมริกา (Grand Prix of the Americas - Circuit of the Americas)
การแข่งขันที่ออสติน รัฐเท็กซัส ดึงดูดผู้ชมจากทั่วอเมริกาเหนือและละตินอเมริกา จำนวนผู้ชมในสนามอยู่ที่ประมาณ 70,000-100,000 คนต่อสุดสัปดาห์ รายได้จากตั๋ว (ราคาเฉลี่ย 75-150 ดอลลาร์) และสปอนเซอร์ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจราว 40-60 ล้านดอลลาร์ต่อปี
- อาร์เจนตินา (Argentina Grand Prix - Termas de Río Hondo)
สนามนี้เริ่มจัดในปี 2014 และได้รับความนิยมในอเมริกาใต้ จำนวนผู้ชมในสนามอยู่ที่ประมาณ 50,000-70,000 คน รายได้อาจต่ำกว่าสนามในยุโรปหรือสหรัฐฯ รวมถึงประเทศไทย เนื่องจากเศรษฐกิจท้องถิ่น คาดว่ามูลค่าทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 20-40 ล้านดอลลาร์ต่อปี
- อิตาลี (Italian Grand Prix - Mugello)
Mugello เป็นสนามที่มีประวัติยาวนานและแฟนคลับชาวอิตาลีจำนวนมาก ผู้ชมในสนามมักเกิน 100,000 คน รายได้จากตั๋วและสปอนเซอร์ (เช่น Ducati และแบรนด์อิตาลีอื่นๆ) รวมถึงการท่องเที่ยวน่าจะสูง คาดว่ามูลค่าทางเศรษฐกิจอาจถึง 50-80 ล้านยูโรต่อการแข่งขัน
- ญี่ปุ่น (Japanese Grand Prix - Mobility Resort Motegi)
สนามนี้เป็นของ Honda และดึงดูดผู้ชมจากเอเชีย โดยเฉพาะญี่ปุ่น จำนวนผู้ชมในสนามอยู่ที่ 50,000-80,000 คน รายได้จากตั๋วและสปอนเซอร์ (เช่น Honda, Yamaha) สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจราว 30-50 ล้านดอลลาร์ต่อปี
ตัวเลขข้างต้นเป็นการประเมินจากข้อมูลทั่วไปและเปรียบเทียบกับประเทศไทย (เช่น สนามบุรีรัมย์ปี 2024 สร้างรายได้ 4,759 ล้านบาท หรือประมาณ 140 ล้านดอลลาร์) ซึ่งมีผู้ชมสูงถึง 224,634 คนในปี 2025 สนามในประเทศอื่นอาจมีมูลค่าน้อยกว่าหรือมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ชมและบริบทท้องถิ่น
การสนับสนุนจากรัฐบาลและการซื้อลิขสิทธิ์จาก Dorna Sports
Dorna Sports เรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์ (Hosting Fee) จากผู้จัดงานในแต่ละประเทศเพื่อนำ MotoGP ไปจัดการแข่งขัน ค่าลิขสิทธิ์นี้มักอยู่ที่ 5-10 ล้านยูโรต่อปีต่อสนาม (ประมาณ 200-400 ล้านบาท) ขึ้นอยู่กับการเจรจาและความสำคัญของสนาม รัฐบาลในหลายประเทศมักเข้ามาสนับสนุนบางส่วนหรือทั้งหมดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ
- กาตาร์
รัฐบาลกาตาร์ให้การสนับสนุนเต็มที่ผ่าน Qatar Tourism และ Qatar Airways ค่าลิขสิทธิ์น่าจะอยู่ที่ 7-10 ล้านยูโรต่อปี ซึ่งรัฐบาลจ่ายทั้งหมดเพื่อใช้ MotoGP เป็นเครื่องมือสร้างแบรนด์ชาติ
- สเปน
สเปนมีหลายสนาม และการสนับสนุนมักมาจากทั้งรัฐบาลท้องถิ่น เช่น ที่อันดาลูเซีย และ เฆเรซ โดยเฉพาะเฆเรซ ได้รับเงินสนับสนุนจาก ฆุนตา เด อันดาลูเซีย (Junta de Andalucía)
ขณะที่ภาคเอกชนจะจ่ายค่าลิขสิทธิ์ต่อสนามน่าจะอยู่ที่ 5-8 ล้านยูโร ส่วนรัฐบาลท้องถิ่นอาจช่วยจ่าย 50-100% ขึ้นอยู่กับสนาม
- ฝรั่งเศส
Le Mans จัดโดยเอกชนเป็นหลักจาก ACO - Automobile Club de l’Ouest แต่รัฐบาลท้องถิ่น (Pays de la Loire) อาจช่วยสนับสนุนบางส่วน ค่าลิขสิทธิ์ประมาณ 5-7 ล้านยูโร รัฐบาลน่าจะช่วยจ่ายราว 30-50%
- สหรัฐอเมริกา
Circuit of the Americas (COTA) เป็นสนามเอกชน รัฐบาลท้องถิ่นเท็กซัสเคยให้เงินสนับสนุนสำหรับ Formula 1 (ราว 25 ล้านดอลลาร์ต่อปี) แต่สำหรับ MotoGP น่าจะน้อยกว่า คาดว่ารัฐบาลช่วยจ่ายบางส่วน (ประมาณ 2-4 ล้านดอลลาร์) จากค่าลิขสิทธิ์ 5-7 ล้านยูโร
- อาร์เจนตินา
รัฐบาลอาร์เจนตินาให้การสนับสนุนผ่านกระทรวงการท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ค่าลิขสิทธิ์น่าจะอยู่ที่ 5-6 ล้านยูโร และรัฐบาลน่าจะจ่ายเต็มจำนวนในช่วงแรก (2014-2016) แต่หลังจากนั้นอาจลดลงเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ
- อิตาลี:
ที่สนาม Mugello จัดโดยเอกชน (ซึ่งสนามเป็นของ ตระกูลเฟอร์รารี่) ร่วมกับสปอนเซอร์อย่าง Ducati รัฐบาลท้องถิ่น Tuscany อาจช่วยสนับสนุนบางส่วน ค่าลิขสิทธิ์ประมาณ 6-8 ล้านยูโร รัฐบาลน่าจะจ่ายราว 20-40%
- ญี่ปุ่น:
จัดโดย Honda ซึ่งเป็นเจ้าของสนาม ค่าลิขสิทธิ์น่าจะอยู่ที่ 5-7 ล้านยูโร รัฐบาลญี่ปุ่นอาจไม่เข้าไปสนับสนุนโดยตรง เนื่องจาก Honda และสปอนเซอร์เอกชนจัดการได้เอง
ขณะที่ประเทศไทย ค่าลิขสิทธิ์ที่ระบุเป็นการประเมินจากข้อมูลทั่วไปและตัวอย่างของประเทศไทย (357 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 10 ล้านยูโร ในช่วง 2022-2026) ซึ่งรัฐบาลไทยจ่ายครึ่งหนึ่ง (ราว 5 ล้านยูโร) และเอกชนสมทบส่วนที่เหลือ
ทั้งนี้รายได้ แต่ละสนามมีมูลค่าทางเศรษฐกิจแตกต่างกันไป ตั้งแต่ 20-100 ล้านดอลลาร์/ยูโร ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ชม สปอนเซอร์ และผลกระทบต่อการท่องเที่ยว สนามใหญ่ในยุโรป (สเปน อิตาลี) และกาตาร์น่าจะมีรายได้สูงสุด
การสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลในหลายประเทศ (กาตาร์และอาร์เจนตินา) จ่ายค่าลิขสิทธิ์เต็มจำนวนหรือเกือบทั้งหมด
ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้ว (เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น) เอกชนมีบทบาทมากกว่า ค่าลิขสิทธิ์เฉลี่ยอยู่ที่ 5-10 ล้านยูโรต่อสนามต่อปี