posttoday
สัมผัสดินแดนสุขที่สุดในโลก 'ภูฏาน' แดนมังกรสายฟ้าแห่งหิมาลัย

สัมผัสดินแดนสุขที่สุดในโลก 'ภูฏาน' แดนมังกรสายฟ้าแห่งหิมาลัย

29 เมษายน 2568

ภูฏานเปิดประตูต้อนรับนักเดินทางสู่อาณาจักรแห่งความสงบที่ซ่อนตัวในอ้อมกอดหิมาลัย เติมเต็มประสบการณ์วัฒนธรรมเอกลักษณ์ และธรรมชาติที่ยังคงงดงามไร้การเปลี่ยนแปลง

KEY

POINTS

  • ภูฏาน - ดินแดนแห่งความสุขที่ยังคงรักษาอัตลักษณ์ ประเทศที่วัดความเจริญด้วย GNH (Gross National Happiness) แทน GDP ยังคงร

ภูฏาน: มนต์เสน่ห์แห่งดินแดนมังกรสายฟ้า ที่นักเดินทางต้องไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต

ท่ามกลางเทือกเขาหิมาลัยอันยิ่งใหญ่ มีอาณาจักรเล็กๆ ที่ซ่อนตัวห่างจากความวุ่นวายของโลกสมัยใหม่ "ภูฏาน" – ดินแดนแห่งความสุขที่ยังคงรักษาวัฒนธรรม ประเพณี และธรรมชาติอันบริสุทธิ์ไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ประเทศที่วัดความเจริญไม่ใช่ด้วย GDP แต่เป็น GNH (Gross National Happiness) หรือความสุขมวลรวมของประชาชาติ

เสน่ห์ของภูฏานที่รอให้คุณไปค้นพบ

สัมผัสความเงียบสงบอันงดงามอย่างแท้จริง

ในยุคที่ผู้คนต่างหลีกหนีความวุ่นวาย ภูฏานคือคำตอบที่ชัดเจน ด้วยภูมิประเทศที่โอบล้อมด้วยเทือกเขาสูงตระหง่าน หุบเขาเขียวขจี และป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้เวลาที่นี่ดูเหมือนจะเดินช้ากว่าที่อื่น เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้หยุดพัก ฟื้นฟูจิตใจ และซึมซับความงามที่มีอยู่รอบตัว

เนินเขาที่เรียงตัวสลับซับซ้อนราวกับภาพวาด ท้องฟ้าสีครามที่แผ่กว้าง และหมู่บ้านเล็กๆ ที่แทรกตัวอยู่ตามไหล่เขา ล้วนสร้างภาพที่น่าประทับใจและเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่โหยหาการพักผ่อนอย่างแท้จริง
สัมผัสดินแดนสุขที่สุดในโลก \'ภูฏาน\' แดนมังกรสายฟ้าแห่งหิมาลัย

ดื่มด่ำวัฒนธรรมที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

หนึ่งในเสน่ห์ที่ทำให้ภูฏานแตกต่างจากประเทศอื่นคือความสามารถในการรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิม แม้โลกภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ชาวภูฏานยังคงสวมใส่ชุดประจำชาติ "โก" สำหรับผู้ชาย และ "คิรา" สำหรับผู้หญิง ในชีวิตประจำวัน

ป้อมปราการโบราณ (ซอง) วัดพุทธอายุหลายร้อยปี และสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ยังคงได้รับการดูแลอย่างดีและเป็นศูนย์กลางของชุมชน เทศกาลประจำปี หรือ "เซชู" เต็มไปด้วยการเต้นรำหน้ากากที่เล่าเรื่องราวทางศาสนาและสืบทอดต่อกันมาหลายชั่วอายุคน

สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต

วัดถ้ำเสือ (ทักซัง ลาคัง)

นี่คือสัญลักษณ์ของภูฏานที่นักท่องเที่ยวทุกคนใฝ่ฝันจะได้ไปเยือน วัดพุทธที่เกาะตัวอยู่บนหน้าผาสูง 900 เมตร เหนือระดับพื้นที่ราบ การเดินขึ้นไปถึงวัดถือเป็นการเดินทางแสวงบุญที่ศักดิ์สิทธิ์ แม้จะท้าทายด้วยเส้นทางที่ชัน แต่ทัศนียภาพที่ได้เห็นและบรรยากาศอันสงบนิ่งเมื่อไปถึงคุ้มค่ากับความเหนื่อยล้าทั้งหมด

พูนาคาซอง

ป้อมปราการศักดิ์สิทธิ์ซึ่งตั้งอยู่ ณ จุดบรรจบของแม่น้ำสองสาย Mo Chhu และ Pho Chhu สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 เคยเป็นที่ประทับฤดูหนาวของพระสังฆราชภูฏาน และยังเป็นสถานที่จัดพิธีอภิเษกสมรสของกษัตริย์จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ซึ่งเป็นรัชกาลปัจจุบัน ความงามของซองแห่งนี้จะปรากฏชัดในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เมื่อดอกไม้จากินธาบานสะพรั่งโดยรอบ
สัมผัสดินแดนสุขที่สุดในโลก \'ภูฏาน\' แดนมังกรสายฟ้าแห่งหิมาลัย

จุดชมวิวโดชูลา

ทางผ่านซึ่งอยู่ที่ระดับความสูง 3,100 เมตร ระหว่างเส้นทางจากทิมพูไปยังพูนาคา ที่นี่มีสถูปจำนวน 108 องค์ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงการปราบกบฏชาวอัสสัม เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเทือกเขาหิมาลัยอันตระการตา โดยเฉพาะในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ทำให้เห็นยอดเขาหิมะที่สูงเกิน 7,000 เมตรเรียงรายอยู่เบื้องหน้า

กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดในภูฏาน

เดินป่าในเส้นทางธรรมชาติ

การเดินป่าในภูฏานมีตั้งแต่ระดับง่ายไปจนถึงท้าทาย สำหรับนักผจญภัยตัวจริง เส้นทาง Jomolhari Trek และ Druk Path อาจเป็นความท้าทายที่น่าสนใจ การเดินผ่านหมู่บ้านห่างไกล ทุ่งหญ้าอัลไพน์ และทะเลสาบสีเทอร์ควอยซ์ จะเผยให้เห็นความงามของภูฏานที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสได้สัมผัส

สัมผัสดินแดนสุขที่สุดในโลก \'ภูฏาน\' แดนมังกรสายฟ้าแห่งหิมาลัย

ล่องแก่งในแม่น้ำสายใสเย็น

แม่น้ำ Mo Chhu และ Pho Chhu ที่ไหลผ่านเมืองพูนาคา เสนอประสบการณ์ล่องแก่งที่สนุกสนานและปลอดภัย นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความเย็นของสายน้ำที่ละลายมาจากภูเขาหิมะ พร้อมชมธรรมชาติและวิถีชีวิตริมฝั่ง รวมถึงสะพานแขวนที่ประดับด้วยธงมนต์หลากสีระหว่างทาง

ผ่อนคลายด้วยการแช่น้ำร้อนธรรมชาติ

หลังจากการผจญภัย ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้แช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติแบบดั้งเดิมของภูฏาน หรือ "โดทชา" ชาวบ้านเชื่อว่าน้ำแร่เหล่านี้มีคุณสมบัติในการรักษาโรคและฟื้นฟูสุขภาพ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่อากาศเย็นจัด การแช่น้ำร้อนกลางแจ้งโอบล้อมด้วยทิวทัศน์ภูเขาจะเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ

สัมผัสดินแดนสุขที่สุดในโลก \'ภูฏาน\' แดนมังกรสายฟ้าแห่งหิมาลัย

ลิ้มรสอาหารภูฏานอันเป็นเอกลักษณ์

อาหารภูฏานมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ เต็มไปด้วยรสเผ็ดร้อนและสมุนไพรหลากหลาย จุดเด่นของอาหารภูฏานคือ "เอมา ดัทชิ" พริกผัดกับชีส ที่ถือเป็นอาหารประจำชาติ และเสิร์ฟพร้อมกับข้าวแดงหอมมัน

ร้านอาหารที่ควรลองเมื่อไปถึงภูฏาน

- Folk Heritage Museum Restaurant - สัมผัสอาหารภูฏานแท้ในบรรยากาศแบบดั้งเดิม
- Babesa Village Restaurant - อาหารภูฏานแบบร่วมสมัยในบ้านโบราณอายุกว่า 600 ปี
- Champaca Café - คาเฟ่น่ารักในเมืองพาโร เหมาะสำหรับพักผ่อนระหว่างการเดินทาง
- Zombala - ขึ้นชื่อเรื่องเกี๊ยวนึ่งและพริกผัดชีสรสเลิศ

ความลักซ์ชูรีที่ผสานกับวัฒนธรรมพื้นถิ่น

ภูฏานมีรีสอร์ทระดับลักซ์ชูรีที่สามารถผสมผสานความสะดวกสบายสมัยใหม่เข้ากับวิถีชีวิตดั้งเดิมได้อย่างกลมกลืน นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสการบริการระดับห้าดาวในอาคารที่ออกแบบตามสถาปัตยกรรมภูฏาน พร้อมทิวทัศน์ที่สวยงามของเทือกเขาและหุบเขา

ทรีตเมนต์สปาที่ใช้สมุนไพรท้องถิ่น ดินเนอร์ใต้แสงเทียนในสวนที่มองเห็นวิวภูเขา หรือการตื่นมาพร้อมกับทัศนียภาพพระอาทิตย์ขึ้นเหนือยอดเขาหิมะ ล้วนเป็นประสบการณ์พิเศษที่รีสอร์ทในภูฏานมอบให้

สัมผัสดินแดนสุขที่สุดในโลก \'ภูฏาน\' แดนมังกรสายฟ้าแห่งหิมาลัย

เมื่อไรควรไปเยือนภูฏาน?

ภูฏานเป็นประเทศที่สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่แต่ละฤดูกาลก็มอบประสบการณ์ที่แตกต่างกัน

- ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) : ดอกไม้บานสะพรั่ง อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าแจ่มใส เหมาะสำหรับการถ่ายภาพและการเดินป่า
- ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม): แม้จะมีฝนตกบ้าง แต่ธรรมชาติเขียวชอุ่มสวยงาม เทศกาลหลายงานจัดขึ้นในช่วงนี้
- ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน): อากาศใสสะอาด ทัศนวิสัยดีที่สุดสำหรับการชมเทือกเขาหิมาลัย
- ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์): อากาศเย็นจัด โดยเฉพาะในเขตภูเขา แต่สร้างบรรยากาศโรแมนติกด้วยหิมะที่ปกคลุมยอดเขา

 การเดินทางไปภูฏาน

วีซ่าและค่าธรรมเนียมเพื่อการพัฒนาความยั่งยืน

การเข้าประเทศภูฏานนั้นมีกระบวนการที่เฉพาะตัว นักท่องเที่ยวทุกคน (ยกเว้นชาวอินเดีย มัลดีฟส์ และบังคลาเทศ) จะต้องมีวีซ่าและใบอนุญาตก่อนเดินทาง ซึ่งสามารถทำได้ทางออนไลน์หรือผ่านบริษัททัวร์ภูฏาน โดยใช้เวลาประมาณ 5 วันในการดำเนินการ

นอกจากค่าวีซ่า 40 ดอลลาร์สหรัฐแล้ว ผู้มาเยือนทุกคนยังต้องชำระค่าธรรมเนียมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Fee - SDF) จำนวน 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อคืน (มีอัตราลดหย่อนสำหรับเด็ก) สำหรับชาวอินเดียจะต้องชำระค่า SDF เป็นจำนวน 1,200 รูปีต่อคนต่อคืน

เงินค่าธรรมเนียมนี้จะถูกนำไปใช้เพื่อสนับสนุนโครงการด้านวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม สุขภาพ และการศึกษาทั่วประเทศ เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย "การท่องเที่ยวคุณค่าสูง ปริมาณน้อย" เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมของประเทศ

สัมผัสดินแดนสุขที่สุดในโลก \'ภูฏาน\' แดนมังกรสายฟ้าแห่งหิมาลัย

เตรียมตัวก่อนเดินทาง

- สกุลเงินในภูฏานคือ งุลตรัม (Ngultrum) แต่รูปีอินเดียก็สามารถใช้ได้ทั่วไป
- ภาษาราชการคือซองคา (Dzongkha) แต่ภาษาอังกฤษก็ใช้ได้ทั่วไปในแหล่งท่องเที่ยว
- ควรเตรียมเสื้อผ้าหลากหลายเพื่อรับมือกับอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงได้มากในแต่ละวัน
- อินเทอร์เน็ตและสัญญาณโทรศัพท์มีให้บริการในเมืองใหญ่ แต่อาจจำกัดในพื้นที่ห่างไกล

 ภูฏาน "บีลีฟ" (Bhutan Believe) - ปลุกพลังความเชื่อ

ภูฏานได้เปิดตัวแบรนด์และสโลแกนใหม่ "ภูฏาน บีลีฟ" เพื่อสะท้อนวิสัยทัศน์ของประเทศที่เชื่อในอนาคตที่ดีกว่า โดยยังคงรักษาภูมิปัญญาดั้งเดิม คำว่า "บีลีฟ" ไม่เพียงแต่สื่อถึงความเชื่อในศักยภาพของภูฏานเท่านั้น แต่ยังเชื่อในคุณค่าและความสามารถของผู้คนในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก

ผู้ที่เคยมาเยือนภูฏานมักสรุปความหมายของ "ภูฏาน บีลีฟ" ไว้ว่า: "เราเห็นอนาคตที่สดใส และเราเชื่อในความสามารถและความรับผิดชอบในการบรรลุเป้าหมายร่วมกันของเรา ซึ่งส่องประกายเป็นสัญญาณแห่งความเป็นไปได้ภายใต้โลกใบนี้"

การได้มาเยือนภูฏานไม่เพียงแต่เป็นการท่องเที่ยวธรรมดา แต่เป็นการเดินทางที่จะเปลี่ยนมุมมองชีวิต ประเทศเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้ จะทำให้คุณเข้าใจความหมายที่แท้จริงของความสุขและการใช้ชีวิตอย่างสมดุล

หากคุณกำลังมองหาจุดหมายปลายทางที่จะทำให้จิตวิญญาณของคุณได้พักและฟื้นฟู ภูฏาน "ดินแดนมังกรสายฟ้า" คือคำตอบที่ชัดเจน
 

Thailand Web Stat