ประเดิมลอบ "จ๊าด" เตือนไทยขาดแคลนแรงงาน หลังพม่าแห่กลับบ้าน

03 เมษายน 2555

พม่าประเดิมลอยเงินจ๊าดวันแรก หวังฟื้นเชื่อมั่นระบบแลกเงิน

พม่าประเดิมลอยเงินจ๊าดวันแรก หวังฟื้นเชื่อมั่นระบบแลกเงิน ด้านบริษัทมะกันชี้ปฏิรูปพม่าส่อแววส่งผลกระทบต่อปัญหาการขาดแคลนแรงงานในไทย

ธนาคารกลางพม่าได้ประกาศอัตราอ้างอิงแลกเปลี่ยนค่าเงินจ๊าดใหม่อย่างเป็นทางการแล้วเมือวันที่ 2 เม.ย.นี้ ปรากฏว่าเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐ อัตราแลกเปลี่ยนใหม่อ่อนลงจากเดิมมากกว่าร้อยเท่าไปอยู่ที่ 818 จ๊าดต่อเหรียญสหรัฐ จากเดิมที่ 6.4 จ๊าดต่อเหรียญสหรัฐ พร้อมเปลี่ยนจากระบบการแลกเปลี่ยนแบบตายตัวไปสู่ระบบการลอยตัวแบบอ้างอิงกับกลไกตลาด ซึ่งหนึ่งในแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจและการเงินครั้งสำคัญของประเทศ

การปฏิรูปค่าเงินในครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนพม่ามากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาบรรดาผู้ดำเนินธุรกิจในพม่าต่างต้องประสบปัญหาเรื่องความแตกต่างของค่าเงินที่ไม่น่าเชื่อถือ เช่น ระบบที่กำหนดโดยรัฐบาลและค่าเงินในตลาดมืดที่มีความต่างกันอย่างสุดขั้ว โดยในขณะที่ทางการกำหนดไว้ที่ 6.4 จ๊าดต่อเหรียญสหรัฐ แต่ในราคาแลกเปลี่ยนในตลาดมืดกลับมีอัตราส่วนอยู่ที่ 800–820 จ๊าดต่อเหรียญสหรัฐ

ความต่างระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนในสองตลาดดังกล่าวยังส่งผลต่อความไม่เชื่อมั่นในระบบการแลกเปลี่ยนค่าเงิน อีกทั้งยังเป็นช่องว่างให้เกิดการทุจริตและซักฟอกเงินของบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐอีกด้วย

วันเดียวกัน ทางด้านหนังสือพิมพ์วอลสตรีต เจอร์นัล รายงานอ้างการวิเคราะห์ของบริษัท “ยูเรเซียกรุ๊ป” ผู้ดำเนินธุรกิจให้คำปรึกษาด้านความเสี่ยงจากสหรัฐ เตือนว่า การปฏิรูปพม่าอย่างรวดเร็วนั้น อาจจะส่งผลร้ายต่อตลาดแรงงานในประเทศเพื่อนบ้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทย

ยูเรเซียกรุ๊ป ระบุว่า การปฏิรูปเศรษฐกิจภายในพม่าจะกลายเป็นแรงดึงดูดชั้นดีให้แรงงานชาวพม่าที่ทำงานในไทยตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิด ในขณะที่แรงงานพม่าที่คิดจะเข้ามาหางานทำในต่างประเทศก็อาจจะเปลี่ยนใจทำงานในประเทศแทน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานพม่าในต่างประเทศได้ โดยเฉพาะในกลุ่มงานที่ต้องพึ่งพิงแรงงานจากพม่าที่มีค่าแรงถูก

ประเดิมลอบ \"จ๊าด\" เตือนไทยขาดแคลนแรงงาน หลังพม่าแห่กลับบ้าน

 

จากการประเมินในปัจจุบัน พบว่า จะมีแรงงานชาวพม่าที่อาศัยและเข้ามาหางานทำในไทยอยู่ราว 1 ล้านคน ซึ่งในช่วงอีกไม่กี่ปีนี้ บริษัทไทยที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐานและภาคการเกษตรจะได้รับผลกระทบอย่างที่สุด จากปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าวที่มีค่าจ้างต่ำ ซึ่งเป็นผลมาจากการปฏิรูปเศรษฐกิจของพม่า

“แรงงานพม่ามีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาของเศรษฐกิจไทยอย่างมาก โดยมีปริมาณมากถึง 1 ใน 4 หรือ 1 ใน 3 ของแรงงานทักษะต่ำในประเทศไทย ซึ่งแรงงานพม่ายังได้รับค่าจ้างต่ำกว่าแรงงานไทยราว 3050% แรงงานพม่าจะทำงานในลักษณะที่คนไทยไม่นิยมทำกัน เช่น งานที่มีความอันตราย งานสกปรก และงานที่มีความยุ่งยาก” รายงานระบุ

บริษัทนายจ้างในไทยอาจจะต้องหันมาเพิ่มค่าจ้างแรงงานต่างด้าว เพื่อจูงใจให้แรงงานเหล่านี้ทำงานในไทยต่อไป หรือไม่เช่นนั้นบริษัทก็อาจจะต้องเป็นฝ่ายที่ย้ายฐานการผลิตออกจากไทยไปยังประเทศที่มีต้นทุนค่าจ้างต่ำกว่า เช่น ลาว กัมพูชา หรือเวียดนาม

ขณะที่ทางด้านมาเลเซียและอินโด นีเซีย ก็เตรียมที่จะเพิ่มค่าจ้างเพื่อดึงดูดใจให้แรงงานชาวพม่าเข้าไปทำงานในประเทศเหล่านี้กันแล้ว

การประเมินของยูเรเซียกรุ๊ป สอดคล้องกับความเห็นของ แอนดรี ฮอล นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน ประจำมหาวิทยาลัยมหิดล ในประเทศไทย ที่เห็นว่าไทยกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าวชาวพม่ามากขึ้น โดยเฉพาะในภาคส่วนกลุ่มที่ต้องพึ่งพาแรงงานรายได้ต่ำ

เมื่อปีที่ผ่านมา พบว่ามีแรงงานชาวพม่านับแสนคนเดินทางกลับพม่า เนื่องจากเกิดปัญหาน้ำท่วมในประเทศ และเป็นไปได้ที่พวกแรงงานเหล่านี้อาจจะไม่เดินทางกลับมาไทยอีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนั้น ยังน่าจับตามองว่า รัฐบาลพม่าจะเปลี่ยนแปลงนโยบายการเข้าออกของคนในประเทศหรือไม่ เช่น การออกกฎหมายคุ้มครองคนงานพม่าในประเทศมากขึ้น หรือการออกมาตรการอื่นๆ เพื่อดึงดูดและล่อใจคนพม่าให้กลับไปช่วยพัฒนาประเทศ

ฮอล ให้ข้อเสนอแนะว่า ไทยควรเริ่มหันไปหาแรงงานต่างด้าวจากเวียดนาม ลาว กัมพูชา มากขึ้น เพื่อเป็นการทดแทนแรงงานจากพม่าที่ขาดหายไป

ขณะเดียวกัน เอเอฟพี รายงานอ้างแหล่งข่าววงในรัฐบาลพม่าว่า พม่ามี ความประสงค์ที่จะให้สหภาพยุโรป (อียู) หวนกลับมาเปิดการเจรจาข้อตกลงการ ค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยเร็ว หลังจากที่การเจรจาระหว่าง 2 ฝ่าย ต้องหยุดชะงักไป นับตั้งแต่เริ่มเปิดเจรจากันในปี 2550 เนื่องจากติดขัดในเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการปฏิรูปประชาธิปไตยที่ล่าช้าในพม่า

แหล่งข่าวชี้ว่า ในปัจจุบันพม่าได้เร่งปฏิรูปประเทศทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองอย่างมากที่สุด พม่าจึงหวังว่าอียูจะยอมหันกลับมาเจรจากับอาเซียนอีกครั้ง

“นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกให้ทราบว่า ทุกฝ่ายกำลังจะได้ประโยชน์จากการปฏิรูปของพม่า และอียูจะพลาดโอกาสทอง หากไม่รีบเร่งดำเนินการในตอนนี้” แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่รัฐบาลพม่าระบุ

Thailand Web Stat