เปืดชีวิตดรามาขั้นเทพ "ป๋อซีไหล" ดาวรุ่งจีน...ผู้ร่วงสู่ดิน
โดย...ณัฐสุดา จิตตปาลพงศ์
โดย...ณัฐสุดา จิตตปาลพงศ์
เพราะชีวิตของคนเรามักต้องเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทั้งที่เป็นเรื่องร้ายและเรื่องดี จนบางทีเรื่องราวเหล่านี้ดูจะเป็นเรื่องราว “เสมือนจริง” ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในชีวิตของคนธรรมดาคนหนึ่งได้เลย
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเคยมีคนกล่าวไว้ว่า “ชีวิตจริงนั้นยิ่งกว่านิยาย”
และหากต้องสรรหาสำนวนพังเพยมาอธิบายชีวิตและชะตากรรมของครอบครัว “ป๋อซีไหล” เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำนครฉงชิ่ง ผู้ซึ่งกำลังตกอับทางการเมืองอยู่นั้น สำนวนดังกล่าวก็จะดูเป็นสำนวนที่ประจวบเหมาะที่สุด หากพิจารณามรสุมข่าวฉาวที่นักการเมืองจีนรายนี้และครอบครัวต้องเผชิญในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
เพราะในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ข่าวใหญ่ที่สุดข่าวหนึ่งในจีนคงหนีไม่พ้นการที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนประกาศปลด ป๋อซีไหล ออกจากตำแหน่งอย่างไม่ไว้หน้า หลังเจ้าตัวและครอบครัวถูกเปิดโปงเรื่องสุดอื้อฉาว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน การละเมิดอำนาจหน้าที่ หรือแม้กระทั่งการฆาตกรรม!
จนเป็นเหตุให้ “ดาวรุ่งพุ่งแรง” ในวงการการเมืองจีน ต้องกลายเป็น “ดาวร่วง” ภายในช่วงเวลาเพียงพริบตา
หากลองพลิกประวัติของ ป๋อซีไหล ก็จะพบว่าชีวิตของนักการเมืองรายนี้ช่างแสนจะเพอร์เฟกต์ราวกับว่าถูกโปรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างไรอย่างนั้น
เพราะ ป๋อซีไหล ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มนักการเมือง “ลูกท่านหลานเธอ” เนื่องจากเจ้าตัวมีศักดิ์เป็นถึงลูกของ ป๋ออี้โป หนึ่งในผู้นำอาวุโสพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ก่อสร้างประเทศจีนมากับ เหมาเจ๋อตง นั่นเอง
เจ้าตัวก้าวเข้าสู่วงการการเมืองจีนครั้งแรก เมื่อได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองต้าเหลียน เมื่อปี 2535 หลังจากนั้นก็ได้ก้าวขึ้นไปเป็นผู้ว่าการมณฑลเหลียวหนิง และเลขาธิการพรรคสาขาเหลียวหนิง ก่อนจะได้รับการโปรโมตให้เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน สาขามหานครฉงชิ่ง และเป็น 1 ใน 25 กรรมการประจำกรมการเมือง คณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือโปลิตบูโร
แต่ที่เด็ดดวงไปกว่าก็คือ ป๋อซีไหล คือหนึ่งในตัวเต็งจ๋าที่คาดว่าจะได้ขยับขึ้นไปสู่ 1 ใน 9 คณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมือง (Standing Committee) คณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ได้ชื่อว่าเป็น 9 คนตัวจริงเสียงจริงในโปลิตบูโรที่เป็นผู้ปกครองสูงสุดในจีน
หรือถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ สักวันเจ้าตัวจะได้ผงาดเป็น “ผู้นำรุ่นต่อไป” ของแดนมังกรนั่นเอง
เมื่ออำนาจทั้งหมดทั้งปวงอยู่ใกล้แค่เอื้อม จู่ๆ ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝัน เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนประกาศปลด ป๋อซีไหล ออกจากคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ ฐานเกี่ยวพันกับ “การกระทำผิดวินัยร้ายแรง”
การปลดครั้งนี้ถือเป็นการทำลายอนาคตทางการเมืองของ ป๋อซีไหล โดยสิ้นเชิง เพราะหมายถึงการไม่มีตำแหน่งแห่งหนในแดนมังกรอีกต่อไป
และเท่านั้นยังไม่พอ ยังถือเป็นการทำลายชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล “ป๋อ” ที่ ป๋ออี้โป ใช้เวลาทั้งชีวิตสร้างมากับมืออีกด้วย
แต่งานนี้ก็ดูจะโทษโชคชะตาฟ้าดินว่ากลั่นแกล้งไม่ได้ เพราะหากพินิจพิจารณาคดีทั้งหมดที่เจ้าตัวก่อมาตั้งแต่ขึ้นสู่อำนาจแล้วละก็ บอกได้คำเดียวว่า “ฉาว” สุดๆ
ไล่เรียงตั้งแต่การงัดกลวิธีสุดโหดในการปราบแก๊งมาเฟียทั้งหลายขณะเจ้าตัวปฏิบัติภารกิจอยู่ในนครฉงชิ่ง โดยมีการแฉว่า ป๋อซีไหล ใช้วิธีการที่รุนแรงเกินกว่าเหตุในการทรมานผู้ต้องสงสัย ซึ่งในหลายครั้งก็เป็นผู้บริสุทธิ์ เพื่อให้รับสารภาพ
เผลอๆ ใช้วิธีการที่โหดยิ่งกว่ามาเฟียเสียอีก
นอกจากนี้ ยังถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจในทางมิชอบเพื่อทุจริตคอร์รัปชัน และเพื่อให้ผลงานของตน “เข้าตา” ผู้หลักผู้ใหญ่
เรียกได้ว่าด้วยความทะเยอทะยานที่จะได้เป็นใหญ่เป็นโตในแผ่นดินจีน เจ้าตัวจึงยอมทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้เปรียบคู่แข่ง แม้กระทั่งการลอบดักฟังโทรศัพท์เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคน...
รวมทั้งประธานาธิบดี หูจิ่นเทา!
และเรื่องฉาวโฉ่ทั้งหมดนี้ก็ถูกเปิดโปงโดยอธิบดีกรมตำรวจประจำนครฉงชิ่ง ซึ่งเป็นลูกน้องของ ป๋อซีไหล นั่นเอง โดยจู่ๆ ลูกน้องรายนี้ก็โผล่ไปที่สถานกงสุลสหรัฐด้วยสีหน้าท่าทางหวาดกลัวเพื่อขอ “ลี้ภัย” พร้อมหอบเอกสารที่เจ้าตัวอ้างว่าเป็นหลักฐานของการใช้อำนาจอย่างบิดเบือนของ ป๋อซีไหล
หลายฝ่ายคาดเดาว่าสงสัยลูกน้องรายนี้จะกลัวว่าตัวเองจะถูกนาย “ปราบ” เหมือนกับที่กระทำกับมาเฟีย ก็เลยตัดสินใจงัดไม้ตาย “ถ้านายท่านจะให้ข้าน้อยตาย นายท่านก็จะต้องลงเรือลำเดียวกัน”
แต่งานนี้ใช่ว่า ป๋อซีไหล จะกลายเป็นข่าวฉาวบนหน้าหนังสือพิมพ์จีนแต่เพียงผู้เดียว เพราะไม่นานหลังจากที่เรื่องราวของอดีตนักการเมืองดาวรุ่งพุ่งแรงคนนี้จะแดงขึ้นมา แสงสปอตไลต์ดวงใหญ่ก็ส่องมาที่ “กู่ไคไหล” ศรีภรรยาคนสวย และ “ป๋อกัวกัว” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ภายหลังมีการเปิดโปงพฤติกรรมอื้อฉาวของทั้งคู่
เริ่มตั้งแต่ กู่ไคไหล ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงลูกสาวของอดีตแม่ทัพกองทัพจีน ถูกสอบสวนข้อหาพัวพันการฆาตกรรม “นีล เฮย์วูด” นักธุรกิจชาวอังกฤษ
ทั้งนี้ บรรดาแมงเมาท์เล่าว่า แท้จริงแล้วหนุ่มเฮย์วูดก็คือ “ชู้รัก” ของ กู่ โดยสาเหตุที่ กู่ ไปแอบปลูกต้นรักกับหนุ่มผู้ดีรายนี้ ก็เพราะคุณสามีไม่สามารถ “สนองความต้องการ” ของนางได้
แถมยังมีการแฉอีกว่า ชีวิตรักของ ป๋อและกู่ นั้นขาด “สีสัน” และ “ความเร่าร้อน” นางจึงต้องหันไปคบชู้เพื่อ “เติมเต็ม” ส่วนที่ขาดหายไปจากชีวิตรัก
ล่าสุด มีรายงานว่า กู่ ได้รับสารภาพแล้วว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าเฮย์วูดจริง
แต่ที่น่าสะพรึงกลัวกว่าก็คือ “วิธี” ที่นางเลือกสังหารชู้รักนั้นช่างโหดร้ายเหลือเกิน โดยเจ้าตัวได้บังคับให้เฮย์วูดดื่มน้ำผสมยาเบื่อหนูถึง 3 ครั้ง จนเฮย์วูดสิ้นลมหายใจคาห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง
ด้าน ป๋อกัวกัว ลูกชายสุดแสบของทั้งคู่ ก็มีพฤติกรรมฉาวไม่แพ้พ่อแม่ โดยเจ้าตัวถูกแฉว่าใช้ชีวิตหรูหราอู้ฟู่ประหนึ่งอภิมหาเศรษฐีสมัยที่เรียนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกอย่างออกซฟอร์ด
เพื่อนร่วมชั้นต่างยกให้ ป๋อกัวกัว เป็น “ขาปาร์ตี้” ตัวจริงเสียงจริง โดยทุกครั้งที่เจ้าตัวเป็นเจ้าภาพจัดปาร์ตี้นั้น ก็จะต้องสั่งแชมเปญและอาหารราคาแพงมาบริการเพื่อนๆ อยู่เสมอ
ยิ่งไปกว่านั้นคือ ป๋อกัวกัว ยังมีนิสัยคล้ายผู้เป็นพ่อ คือ ยอมทุ่มเงินจ้างนักแสดงชื่อดังอย่าง เฉินหลง มาเป็นวิทยากรพิเศษที่ออกซฟอร์ดเพื่อ “เอาใจ” เพื่อนๆ และคุณครู โดยเจ้าตัวนั้นยังถือโอกาสขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีร่วมกับเฉินหลงอีกด้วย เพื่อแสดงให้ทุกคนได้เห็นถึง “อำนาจ” ของตนว่าการเป็นลูกนักการเมืองจีน หมายความว่าตนสามารถเสกเนรมิตสิ่งใดก็ได้ดังใจปรารถนา
นอกจากนี้ เจ้าตัวยังขึ้นชื่อเรื่องความเป็น “เพลย์บอย” โดยนอกจากจะเปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่นแล้ว ป๋อกัวกัว ยังถูกสาวๆ เมืองผู้ดีทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ขายขนมจีบให้อยู่ตลอดเวลา
เพราะมีดีกรีเป็นถึงลูกชายของว่าที่ผู้นำจีนนั่นเอง จึงทำให้สาวๆ ไม่สามารถปฏิเสธเสน่ห์อันร้อนแรงของป๋อน้อยได้
แต่ไลฟ์สไตล์หรูหราดังกล่าวก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากชาวจีน โดยมีการตั้งคำถามว่า ป๋อซีไหล เอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าเทอมลูก ซึ่งเรียนหนังสือที่ประเทศอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก แถมยังเรียนในสถาบันเอกชนชั้นนำราคาแพงอีกด้วย ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นๆ อย่างการซื้อรถยนต์หรูยี่ห้อเฟอร์รารีให้ลูกขับ หากไม่ได้ทุจริตคอร์รัปชันจริง
เพราะต้องไม่ลืมว่า ป๋อซีไหล มีรายได้เพียงปีละ 2.2 หมื่นเหรียญสหรัฐเท่านั้น (ราว 6.6 แสนบาท) ขณะที่ค่าใช้จ่ายของลูกชายก็น่าจะทะลุหลายแสนหลายล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว
เมื่อสถานการณ์เริ่มส่อเค้าบานปลาย ป๋อกัวกัว ซึ่งปัจจุบันเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในสหรัฐ จึงรีบออกมาแก้ตัวเป็นการใหญ่
“ผมไม่ได้ใช้ชีวิตหรูหราอย่างที่ทุกคนคิด เพราะค่าเทอมและค่าใช้จ่ายทั้งหมดของผมเป็นเงินจากทุนการศึกษาของโรงเรียน และบางส่วนก็เป็นเงินออมของพ่อแม่” ป๋อกัวกัว ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ของฮาร์วาร์ด
แถมเจ้าตัวยังปฏิเสธข่าวลือที่ว่า ตัวเอง “โง่” จนต้องถูกพักการเรียนเพราะเรียนไม่ไหวนั้น โดยยืนยันว่าผลการเรียนดีเด่นมาโดยตลอด ส่วนเรื่องการจัดปาร์ตี้นั้นก็เป็นการร่วมงานเลี้ยงที่ทางมหาวิทยาลัยจัดขึ้นเท่านั้นเอง
กระแสข่าวฉาวทั้งหมดทั้งปวงที่ถาโถมสมาชิกครอบครัวป๋ออย่างสาหัสสากรรจ์นั้น สร้างความอับอายและเสื่อมเสียให้กับพวกเขาเป็นอย่างมาก
เรียกได้ว่าหากมุดแผ่นดินหนีได้ ป่านนี้ก็คงหาช่องมุดแทรกแหกผืนดินไปเรียบร้อยแล้ว
ถึงตอนนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าอนาคตทางการเมืองของ ป๋อซีไหล ได้ดับวูบลงไปแล้ว และขณะเดียวกันต้องรอดูต่อไปว่าเจ้าตัวและภรรยาจะได้รับบทลงโทษทางกฎหมายเช่นใด โดยเป็นไปได้สูงที่ทั้งคู่จะต้องติดตะราง
แม้สุดท้ายนิยายดรามาของครอบครัว ป๋อซีไหล จะไม่ได้จบแบบแฮปปี้เอนดิง แต่อย่างน้อยก็อาจถือเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับบรรดานักการเมืองผู้กระหายอำนาจทั้งหลายได้
หากคิดจะเลือกใช้สารพัดวิธีสกปรกเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ในที่สุดแล้วอาจต้องพลาดท่าตกม้าตายแบบ ป๋อซีไหล ก็เป็นได้