เปิดโลกสังคม ‘ไร้อาภรณ์’‘เราขอโป๊แบบมืออาชีพ’
เชื่อได้ว่า ไม่ว่าใครหากจู่ๆ หันไปเจอชายหนุ่มหรือหญิงสาวแปลกหน้ากำลังทำกิจวัตรประจำวันในชุดวันเกิดอย่างโจ๋งครึ่ม
เชื่อได้ว่า ไม่ว่าใครหากจู่ๆ หันไปเจอชายหนุ่มหรือหญิงสาวแปลกหน้ากำลังทำกิจวัตรประจำวันในชุดวันเกิดอย่างโจ๋งครึ่ม ร้อยทั้งร้อยต้องรู้สึกตรงกันว่า ภาพที่อยู่ตรงหน้าเป็นภาพที่ไม่เพียงแต่ “ประหลาด และแปลกตา” เท่านั้น แต่อาจรู้สึก “สะอิดสะเอียนและเขินอาย” ไปพร้อมๆ กัน
แต่สำหรับบุคคลกลุ่มหนึ่งแล้วภาพตรงหน้านี้กลับเป็นภาพที่สุดแสนธรรมดาอย่างที่สุด
ขอบอกไว้ก่อนว่า กลุ่มคนเหล่านี้ไม่ใช่กลุ่มคนโรคจิตหรือไร้ความรู้สึกรู้สาใดๆ แต่เป็นกลุ่มคนที่ล้วนมีอุดมการณ์อันแก่กล้าเดียวกันนั่นก็คือ “เมื่อมนุษย์ไร้อาภรณ์ ตัวตนที่แท้จริงก็บังเกิด” หรือกลุ่มนู้ดดิซึม (Nudism) นั่นเอง
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ากลุ่มนู้ดดิซึม หรือกลุ่มผู้รักการเปลือยเหล่านี้ ซ่อนตัวแทรกซึมอยู่ในสังคมอย่างกว้างขวาง และพวกเขาก็ใช้ชีวิตประจำวันทุกอย่างทุกประการ แต่ต่างตรงที่พวกเขาจะมีกิมมิกเล็กๆ นั่นก็คือ ชอบเปลือยทำทุกกิจกรรมนั่นเอง
หลักการและเหตุผลของการเปลือยเหล่านี้ไม่ใช่เป็นการตอบสนองความต้องการการโชว์ของลับอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ แต่เป็นการ “เปลือยแบบมืออาชีพ” คือเป็นเรื่องของจิตใจที่บริสุทธิ์โดยที่ไม่มีเรื่องเซ็กซ์มาเกี่ยวข้อง
การเปลือยดังกล่าวจึงถือเป็นการส่งสารเพื่อสร้างแรงกระเพื่อมในสังคมให้รู้โดยทั่วกันว่า ความเชื่อที่ว่าการเปลือยคือสัญลักษณ์ของการมีเซ็กซ์ เป็นความเชื่อที่ผิดเป็นอย่างมาก และการเปลือยกายจะไม่ใช่เรื่องที่น่าดูถูกเหยียดหยามอีกต่อไป
และเมื่อความต้องการของกลุ่มคนที่ชอบเปลือยเพิ่มมากขึ้น ธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกก็เริ่มหันมาจับจองพื้นที่เล็กๆ ในสังคมเปลือยกันมากขึ้น
บริตัน มาร์ก เทย์เลอร์ หนุ่มใหญ่เจ้าของธุรกิจโรงแรมสำหรับ “ชีเปลือย” ในกรีซ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเคลื่อนไหวผู้สนับสนุนการเปลือยอย่างมีศิลปะเปิดเผยโลกของเหล่านู้ดดิซึมว่า คนทั่วไปมองว่าแขกที่โรงแรมของเรามีเซ็กซ์กันทุกที่ทุกเวลา ซึ่งถือเป็นความเชื่อที่ผิดและสิ้นคิดเป็นอย่างมาก
“สิ่งที่พวกเขาคิดช่างห่างไกลจากความจริง โรงแรมของเราไม่มีเรื่องพรรค์นั้น แค่กลุ่มคนที่เอนจอยการใช้ชีวิตแบบไม่ใส่เสื้อผ้าเท่านั้นเอง” เทย์เลอร์ กล่าว
เช่นเดียวกับบริษัท แนชเชอรัล คอมพานี ในเมืองเคปทาวน์ของแอฟริกาใต้ ก็ไม่พลาดหยิบจับกิมมิก “การเปลือย” มาเรียกเรตติ้งให้กับบริษัทกับบริการจัดส่งพนักงานเปลือยและกึ่งเปลือยเพื่อรับจ้างทำงานหลากหลายประเภทที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้
ฌอง ปอล รีด หนุ่มเคปทาวน์วัย 29 ปี เจ้าของบริษัท กล่าวว่า ตอนนี้ธุรกิจกำลังดำเนินไปได้สวยมาก โดยมีคนมาลงชื่อขอทำงานพาร์ตไทม์แล้วถึง 75 รายจากหลากหลายอาชีพ มีทั้งพนักงานคอมพิวเตอร์ นักเรียนกฎหมาย พ่อครัว ที่ยังหางานประจำทำไม่ได้ และเต็มใจจะแก้ผ้าทำงานเพื่อแลกกับค่าจ้างครั้งละ 400 แรนด์ (ราว 2,000 บาท)
เจ้าของกิจการหนุ่มเล่าอีกว่า หลังจากเปิดกิจการมาได้เพียง 23 เดือน มีลูกค้าเรียกใช้บริการเข้ามาเฉลี่ยวันละ 2 ราย โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชายวัยกลางคนที่มีฐานะค่อนข้างร่ำรวย
อย่างไรก็ตาม รีด ยืนยันว่า ธุรกิจของเขาไม่มีจุดประสงค์แอบแฝงหรือการขายบริการทางเพศอย่างแน่นอน และธุรกิจของเขาก็มีลิมิตการทำงานเพื่อความสงบสุขในสังคม โดยงานหนึ่งที่เขาจะไม่ทำการจัดส่งพนักงานเปลือยไปทำอย่างแน่นอนก็คือ ครูที่เปลือยกายไปสอนพิเศษนักเรียนนั่นเอง
ไม่เพียงแต่ธุรกิจจัดหางานเท่านั้น ธุรกิจท่องเที่ยวเชิง “นู้ด” ก็กำลังได้รับความนิยมอย่างมากเช่นเดียวกัน
หากมองเผินๆ อาจจะคิดว่า แบร์ เนสเซสิตี ทัวร์ แอนด์ เทรเวล คือเอเยนซีท่องเที่ยวทำหน้าที่เป็นธุระจัดการดูแลทั้งเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่พัก สิ่งอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าตลอดทั้งทริปเหมือนดังเอเยนซีทัวร์ธรรมดาๆ ทั่วไป
แต่หากสังเกตชื่อของเอเยนซีอย่างพินิจพิเคราะห์จะรู้ว่าเอเยนซีท่องเที่ยวแห่งนี้ถูกตั้งขึ้นเพื่อบริการผู้ที่มีจิตใจฝักใฝ่และหลงใหลการท่องเที่ยวเชิง “นู้ด” โดยเฉพาะ
แบร์ เนสเซสิตี ทัวร์ แอนด์ เทรเวล ได้ชื่อว่าเป็นเอเยนซีผู้บุกเบิกการท่องเที่ยวเชิง “นู้ด” แห่งแรกของสหรัฐที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะนับตั้งแต่บริษัทเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1990 ก็มีผู้สนใจเข้ามาใช้บริการอย่างล้นหลาม
จากในช่วงแรกที่มีผู้โดยสารเหมาเช่าเรือสำราญเพื่อออกทริปเปลือยเพียง 36 คน ธุรกิจจัดทัวร์เปลือยก็เริ่มได้รับความนิยมจนในขณะนี้ทางบริษัทเคยจัดทริปเรือสำราญหรูสุดอลังการที่มีผู้โดยสารมากถึง 2,214 คนเลยทีเดียว
แนนซี ไทแมนน์ สาวใหญ่เจ้าของเอเยนซีทัวร์เปลือยชาวอเมริกาเล่าเรื่องย้อนวันวานว่า แม้ในช่วงบุกเบิกจะมีการท่องเที่ยวแบบเปลือยโดยเรือสำราญเกิดขึ้นมาแล้วบ้างแบบประปราย แต่ก็ยังไม่มีใครหันมาตั้งเอเยนซีจัดการท่องเที่ยวเพื่อคนรักการเปลือยอย่างจริงจัง นับตั้งแต่นั้นมาตนและสามีทนายความ จึงเริ่มศึกษาหาข้อมูลและสร้างอาณาจักรท่องเที่ยวเปลือยขึ้น
ไทแมนน์ เปิดเผยว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ของเราจะเป็นกลุ่มนักเปลือยแบบมืออาชีพ หรือผู้ที่รักการเปลือยอย่างมีเหตุผล โดยมีจำนวนน้อยมากที่จะเป็นพวกที่มา “ลองของ” เพราะค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ซึ่งบางครั้งอาจสูงเป็นสองเท่าของการท่องเที่ยวแบบเดียวกันเลยก็ว่าได้
“ลูกค้าของเราต้องการจะปลดปล่อยร่างกายและจิตใจให้เป็นอิสระ โดยไม่มีเสื้อผ้าร่างกายมาเป็นตัวกำหนดสถานะทางสังคมของพวกเขา พวกเขาจึงยอมเสียเงินที่จะได้รับสิ่งที่มากกว่า” ไทแมนน์ กล่าว
เมื่อปี 2006 การท่องเที่ยวเชิง “นู้ด” ถูกยกให้เป็นธุรกิจท่องเที่ยวที่เติบโตมากที่สุด โดยสามารถสร้างรายได้สูงถึง 400 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีเลยทีเดียว
ไม่เพียงเท่านี้ ธุรกิจที่ใช้ “การเปลือย” เป็นตัวชูโรงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จนแพร่กระจายเข้าไปยังอุตสาหกรรมธุรกิจสุขภาพอีกด้วย
ดี ดัสซอล ครูฝึกสอนโยคะชื่อดังแห่งฟอร์โล ยัวร์ บลิซ สตูดิโอ ในสหรัฐ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “โยคะเปลือยสำหรับผู้หญิง” เล่าอย่างภาคภูมิใจว่า โยคะเปลือยแห่งนี้เป็นแห่งแรกแห่งเดียวของโลก
สำหรับใครที่เป็น “มือใหม่หัดเปลือย” ที่ต้องการมาลองเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมายืนป้ำๆ เป๋อๆ เก้ๆ กังๆ ปล่อยไก่ที่นี่ เพราะทางสตูดิโอจะค่อยๆ สอนทักษะการเปลือยอย่างมีศิลปะในสไตล์การเล่นโยคะไปพร้อมๆ กันอย่างละเอียดทุกขั้นตอน
ดัสซอล เปิดเผยว่า คลาสการเรียนการสอนโยคะเปลือยจะเริ่มต้นอย่างช้าๆ ด้วยการสอนให้นั่งสมาธิเพื่อสงบสติอารมณ์ขณะที่ยังคงใส่เสื้อผ้าเต็มยศอยู่
หลังจากนั้นจะเริ่มให้นักเรียนทำท่าโยคะในลักษณะพิเศษ คือเป็นการถอดเสื้อผ้าแต่ละชิ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับทำสมาธิไปพร้อมๆ กัน
“เราจะเริ่มสั่งให้นักเรียนค่อยๆ ถอดเสื้อ กางเกง ไปเรื่อยๆ จนกว่าที่นักเรียนจะรู้สึกสบายตัว โดยพวกเขาจะถอดมาก ถอดน้อย หรือถอดหมด ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเขาทั้งสิ้น” ดัสซอล อธิบาย
โดยไฮไลต์ของการเรียนในแต่ละคลาสจะอยู่ในช่วงท้าย นั่นก็คือ เราจะให้นักเรียนแต่ละคนจับคู่และยืนหันหน้าเข้าหากัน ก่อนที่จะสั่งให้ทั้งสองมอง “หน้า” และ “ก้มมองร่างอันเปลือยเปล่าของกันและกัน”
ดัสซอล กล่าวว่า ฟีดแบ็กของนักเรียนโยคะในคลาสดีมาก เพราะหลายคนยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นหลังจากที่ได้ “ชื่นชม” ร่างเปลือยของคนอื่น และ “ยอมรับ” ร่างกายของตนเอง
ผู้เชี่ยวชาญมองว่า การเล่นโยคะเปลือยจะส่งผลดีทางด้านจิตใจมากกว่าทางร่างกาย แต่หากใครเลือกที่จะเรียนโยคะเปลือยเพื่อเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ แทนที่จะใช้เพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริงทั้งของตนเองและเพื่อนมนุษย์ ก็ถือว่าผิดวัตถุประสงค์และเป็นสิ่งที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก
แรกเริ่มเดิมที ดัสซอล ตั้งเป้าว่าจะเปิดคลาสโยคะเปลือยแบบรวม 2 เพศ แต่แล้วก็ต้องเบนเข็มมาเปิดคลาสโยคะเปลือยเฉพาะผู้หญิงอย่างไม่มีทางเลือก ด้วยเหตุผลสุดสยิวหลากหลายประการ โดยบรรดาคุณผู้ชายกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ถึงแม้ว่าจะมาเรียนโยคะเปลือยอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่ก็ไม่วายวิตกกังวลว่าอาจถูกมองว่าเป็นพวกโรคจิตเอาได้ง่ายๆ แล้ว
นอกจากนี้ ยังกังวลว่า ระหว่างเรียนๆ ไปแล้ว น้องชายเกิด “สแตนด์อัพ” ขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ ก็อาจเป็นการรบกวนผู้อื่นและทำให้คลาสต้องหยุดชะงักลงกลางคันได้ ซึ่ง ดัสซอล ตอบในประเด็นดังกล่าวอย่างเข้าอกเข้าใจว่า “มันเป็นเรื่องธรรมชาติ คุณไม่ต้องกังวลว่าขณะเรียนโยคะอยู่ในคลาสแล้วจะรู้สึกเกิดอารมณ์ทางเพศขึ้นมา เพราะถึงแม้ว่าเราจะไม่ต้องการให้เกิดขึ้น แต่มันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้”
อย่างไรก็ตาม ดัสซอล กล่าวยืนยันว่า จะไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจที่จะเปิดคลาสโยคะเปลือยรวม 2 เพศอย่างเด็ดขาด โดยคาดว่าน่าจะสามารถเปิดคลาสตามความฝันให้สำเร็จภายในปีนี้อย่างแน่นอน