posttoday

ส่องความมั่งคั่งมหาเศรษฐีโลก

13 เมษายน 2557

เผยผลสำรวจความมั่งคั่งมหาเศรษฐีโลก พบเฉลี่ยครอบครองของหรูมูลค่าคนละ 58 ล้านเหรียญสหรัฐ 87%ของมหาเศรษฐีเป็นผู้ชายมีทรัพย์สินเฉลี่ย 3,000ล้านเหรียญสหรัฐ

เผยผลสำรวจความมั่งคั่งมหาเศรษฐีโลก พบเฉลี่ยครอบครองของหรูมูลค่าคนละ 58 ล้านเหรียญสหรัฐ 87%ของมหาเศรษฐีเป็นผู้ชายมีทรัพย์สินเฉลี่ย 3,000ล้านเหรียญสหรัฐ 

มหาเศรษฐีคนมีเงินแต่ละคน ต่างก็มีวิธีการบริหารความมั่งคั่งที่แตกต่างกันออกไป ยิ่งวิธีการจับจ่ายใช้สอยเพื่อนำความสุขมาให้กับชีวิตยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่นิยามความสุขสบายของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม หากจะแจกแจงอย่างละเอียดแล้ว จะพบว่าคนร่ำรวยมีวิธีการปรนเปรอตัวเองและตอบสนองความต้องการของตัวเองในลักษณะที่ไม่แปลกแยกจากกันมากนัก

เช่น หลายๆ คนชอบบริจาคเงินช่วยเหลือการกุศล ซึ่งถือเป็นการสร้างความสุขทางใจอย่างหนึ่ง ในขณะที่หลายคนเสพติดความสะดวกสบาย ชีวิตจึงไม่อาจอยู่ห่างจากแก็ดเจ็ทอันหรูหรา หรือยานพาหนะสมรรถนะสูงได้

แต่หลายๆ คนก็มีรสนิยมอันวิไล เสาะแสวงหาสิ่งของล้ำค่า งานศิลปะระดับเลิศ และของหายากมาครอบครอง ไม่ว่าจะแพงหรืออยู่สุดหล้าฟ้าเขียวสักปานใด

มีน้อยคนที่ตอบสนองความสุขด้วยการทำอะไรที่บ้าบิ่น เรียกอะดรีนาลินออกมาด้วยวิธีอันแสนระห่ำอย่างไม่เกรงกลัวความตาย โชคดีที่คนจำพวกหลังมีอยู่เพียงแค่หยิบมือ

แต่จากการสำรวจสำมะโนคนรวยโดย Wealth-X และ UBS Billionaire Census พบว่า คนรวยระดับโลกแต่ละคนมีบ้านเฉลี่ยคนละ 4 หลัง ตกหลังละ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนสิ่งของอำนวยความร่ำรวยและหน้าตาในวงการ โดยรวมๆ แล้วที่มีเหมือนกันคือเรือยอชต์ ตามด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว และงานสะสมศิลปะตามลำดับ ที่เหลือนิยมชมชอบของโบราณ เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องเพชร และรถยนต์สะสม

รวมๆ แล้วเฉพาะของหรูหราในครอบครองของมหาเศรษฐี ยกเว้น อสังหาริมทรัพย์ มีมูลค่ารวมกันถึง 126,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เฉลี่ยเจ้าสัวไทคูนแต่ละคนมีของหรูๆ อยู่ในมือเป็นมูลค่าราว 58 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนสถานที่อันเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตของคนกลุ่มนี้คือ สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ ฮ่องกง อย่างไรก็ตาม นอกจากสวิตเซอร์แลนด์แล้ว คงยากที่จะจินตนาการได้ว่า เหตุไฉนคนร่ำรวยจึงเดินทางไปพักผ่อนยังประเทศที่ไม่น่าจะมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายอย่างสิงคโปร์และฮ่องกง

แน่นอนว่า ในด้านการท่องเที่ยวแล้ว 2 ประเทศนี้แทบไม่มีจุดเด่นนักนอกจากแหล่งช็อปปิ้ง แต่ถ้าเป็นในด้านการลงทุนและการเงินแล้ว ทั้งสองแห่งไม่เป็นรองใคร

นอกจากนี้ จากการสำรวจยังพบด้วยว่า 87% ของมหาเศรษฐีทั่วโลกเป็นผู้ชาย มีทรัพย์สินเฉลี่ย 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนบรรดาเศรษฐินี แม้ว่าจะมีจำนวนน้อยกว่า แต่กลับมีมูลค่าทรัพย์สินเฉลี่ยสูงกว่า โดยอยู่ที่ 3,200 ล้านเหรียญสหรัฐ

เมื่อเจาะลงไปในรายละเอียด จะพบว่า 42% ของทรัพย์สินของคนเหล่านี้ อยู่ในรูปของทรัพย์สินส่วนตัว 35% อยู่ในรูปของหุ้นสามัญ 10% อยู่ในรูปของเงินสดและอื่นๆ 3% อสังหาริมทรัพย์ และอีก 2% อยู่ในรูปของสิ่งของสะสมอันล้ำค่า

ถ้าจะเจาะลึกเรื่องส่วนตัวลงไปสักหน่อย จะพบว่าไทคูนน้อยใหญ่มักจะมีลูกโดยเฉลี่ย 2 คน แต่มีถึง 50% ที่ลูกมากว่า 2 หรืออาจถึง 4 คน แต่ที่ชวนให้ทึ่งก็คือ เจ้าทะเลทรายท่านหนึ่งจากดินแดนตะวันออกลาง มีลูกถึง 24 คนเลยทีเดียว

ที่น่าสนใจก็คือ 68% ของคนร่ำรวยอย่างน้อยๆ มีดีกรีปริญญาตรี ซึ่งเป็นอัตราเฉลี่ยที่สูงมาก แม้แต่ในประเทศที่มีระดับการศึกษาเฉลี่ยค่อนข้างสูง และยังพบว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดของสหรัฐ มีมหาเศรษฐีเป็นศิษย์เก่ามากที่สุด ส่วนอันดับ 1 นอกสหรัฐ คือมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ของอังกฤษ

เป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่า แม้จะมีเจ้าสัวบางคนได้ดีโดยที่ไม่มีใบปริญญา แต่นั่นเป็นส่วนน้อย เพราะหากใครคิดจะคว้าดวงดาว หรือนั่งๆ นอนๆ บนกองเงินกองทอง สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ ใฝ่ใจศึกษาหาความรู้ให้กับตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก

แพงสุด เยี่ยมสุด ในหมู่ของฮิตที่สุด

ส่องความมั่งคั่งมหาเศรษฐีโลก

1.เรือยอชต์
เรือสำราญที่มีราคาแพงที่สุดและมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือเรือ “อัซซาม (Azzam)”มีความยาว 590 ม. มูลค่าถึง 627 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นนาวาในครอบครองของชีค คอลีฟะฮ์ บิน ซายิด อัลนะฮ์ยาน ผู้นำประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ส่องความมั่งคั่งมหาเศรษฐีโลก

2.เครื่องบินเจ็ต
เครื่องบินส่วนตัวดูเหมือนไม่ใช่เจ็ตธรรมดาๆ เพราะมันคือเครื่องบิน Airbus A380 ราคาตั้งไว้ที่ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่เมื่อมันมาอยู่ในมือของเจ้าชายอัลวาลีด บิน ตอลัล แห่งซาอุดีอาระเบีย เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวขนาดยักษ์ทำราคาขึ้นมาถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมฉายาใหม่นั่นคือ “อาณาจักรเหนือฟากฟ้า”

ส่องความมั่งคั่งมหาเศรษฐีโลก

3.งานศิลป์
ในวงการศิลปะ ต่างยกให้คอลเลคชั่นงานศิลป์ของ Wildenstein เป็นหนึ่งในแผ่นดิน คอลเลคชั่นนี้เป็นสมบัติของตระกูลชื่อเดียวกัน มีผลงานของศิลปินชื่อก้องโลกมากมาย ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ถึง ศตวรรษที่ 20 ประเมินมูลค่าแล้วไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ