เขาว่า...โอปป้าขี้โกง
หากผู้มีจักษุทิพย์ใด อยู่ที่เกาหลีในสัปดาห์นี้ คงจะสัมผัสด้วยตาในได้ว่าเบื้องบนท้องฟ้าผิดปกติ
โดย...เพียงออ วิไลย piangor@hotmail.com
หากผู้มีจักษุทิพย์ใด อยู่ที่เกาหลีในสัปดาห์นี้ คงจะสัมผัสด้วยตาในได้ว่าเบื้องบนท้องฟ้าผิดปกติและมืดครึ้มไปด้วยพลังที่โกรธเกรี้ยวเข้าปะทะกันราวพายุหมุน ฝ่ายหนึ่งดาหน้าจากนอกคาบสมุทรเข้ามาทุกทิศทาง มีชื่อพายุตามเสียงลมหวีดว่า “โอปป้าขี้โกง” ส่วนอีกฝ่ายเป็นพายุในแผ่นดินที่พุ่งขึ้นมาต้านด้วยพลังโสมใต้ดิน มีนามว่า “โอปป้าเปล่าโกง” ...หลายสำนักได้พยายามค้นคว้าหาคำอธิบายปรากฏการณ์นี้ เพื่อตอบชาวโลกว่า “ทำไมโอปป้าจึงโกง” และมีข้อสันนิษฐานกันต่างๆ เช่น เพราะแพ้ไม่ได้ ฯลฯ ...ต่อมาสมาคมติ่งเกาหลีก็ได้ออกมาอ้อนวอนว่า “อย่าเหมาว่าโอปป้าทุกคนขี้โกงนะ” ยังความงงงวยมาแก่ผู้ชมดูยิ่งนัก...
ก้าวข้ามความชมชอบเกาหลีที่มีอยู่ 1 ใน 10 ส่วนของชีวิต... คิดตามความเป็นจริงว่า เป็นธรรมดาโลกที่มนุษย์ปุถุชนย่อมอยากสุข เกลียดทุกข์ ดังนั้นในการแข่งขันนักกีฬาและโค้ช รวมถึงสปอนเซอร์ ทุกคนต่างต้องการชัยชนะเพราะคิดว่ามันเป็นความสุข ได้ลาภยศเงินทอง ได้รับความชื่นชม และหลงคิดว่านั่นคือความสำเร็จ หากหลงมากๆ ก็อาจจะก่อ(กิจ)กรรมที่ทำให้ได้ความสุขมาโดยขาดความชอบธรรมได้... ในเกาหลีบางครั้งเราอาจพบเรื่องราวแปลกๆ ที่อธิบายได้ยาก ซึ่งทำได้เพียงแค่พยายามเข้าใจเท่านั้น เช่น เรื่องนี้...
หลังจากไม่ได้พบกันนานหลายปี ก็ได้ข่าวมาว่าเพื่อนเกาหลีคนหนึ่งที่ค่อนข้างสนิทเพราะเคยทำงานด้วยกัน ออกบวชเป็นพระในศาสนาพุทธนิกายหนึ่งของเกาหลีที่บ้านเกิด “เชกา” รู้สึกประหลาดใจอยู่เหมือนกันเพราะไม่เคยเห็นเพื่อนคนนี้มีนิสัยสันโดษและอยากออกจากทุกข์ อย่างไรก็ตามในฐานะชาวพุทธก็เกิดความเลื่อมใสและขออนุโมทนาร่วมด้วย เพื่อนคงมีศรัทธามากจึงสามารถละภรรยาและลูกสองคนได้... เป็นที่รู้กันดีอยู่ว่า สาวเกาหลีส่วนใหญ่เมื่อออกเรือนมีลูกแล้วก็จะออกจากงานมาใช้เวลาทั้งชีวิตดูแลลูกและสามี หากเธอต้องเลี้ยงดูลูกสองคนเพียงลำพังคงจะลำบากไม่น้อย... ครั้นเมื่อไปเกาหลีไม่นานมานี้ จึงได้พยายามถามหาจากคนรู้จัก ด้วยตั้งใจว่าหากมีเวลาพอจะได้ไปนมัสการ ในที่สุด ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งก็รู้ว่าอยู่ที่ไหน แต่ท่านก็บอกว่า ไม่ต้องไปหรอก เพราะเป็นการบวชเพื่อรักษาทรัพย์สิน?
ฟังแล้ว เชกา คงทำหน้างวยงงค่ะ... การออกบวชที่เราเข้าใจ คือ การละวาง มิใช่หรือ... ท่านผู้ใหญ่เห็นดังนั้นก็เลยขยายความให้ฟังว่า เดิมทีบิดาของพระเพื่อนรูปนี้บวชเป็นพระอยู่แล้ว ต่อมาพระหลวงพ่อท่านมรณภาพไป วัดและทรัพย์สินในวัดเป็นของตระกูลเพื่อนที่สร้างมา เพื่อนก็เลยต้องบวชสืบทอดเป็นเจ้าอาวาส เพื่อมิให้ทรัพย์สินตกไปเป็นของพระรูปอื่นที่จะมาเป็นเจ้าอาวาสแทน ภรรยาก็ยังเป็นภรรยานั่นแหล่ะ... อ้าว มึน...
ถ้าเป็นพระญี่ปุ่นก็คงไม่มึนขนาดนี้ เพราะเคยมีคุณครูชาวญี่ปุ่นที่มาสอนภาษาให้ภายในบริษัท ท่านแต่งตัวเป็นคนธรรมดาทำงานหาเลี้ยงชีพ มีภรรยาอยู่ที่บ้าน แต่บวชเป็นพระในนิกายหนึ่งของศาสนาพุทธที่ญี่ปุ่น คุณครูใจดีมากอยากให้พวกเราสอบภาษาญี่ปุ่นได้คะแนนดีๆ ก่อนสอบ 1 วันท่านเอาข้อสอบมาให้พวกเราได้ทำพร้อมเฉลย ทำให้การทดสอบภาษาญี่ปุ่นของบริษัทในวันถัดมา (ด้วยข้อสอบชุดเดิม) ทุกคนสอบผ่านด้วยคะแนนสูงๆ ประธานบริษัทปลื้มใจใหญ่ว่าลูกน้องเก่ง ครูสอนดี... ข้อเท็จจริงที่ว่า 1.เป็นการสอบภายในบริษัท 2.ครูเอาข้อสอบมาให้นักเรียนดูเอง 3.ไม่ได้สอบเพื่อแข่งขันใดๆ 4.ประธานบริษัทไม่ทราบว่ามีการดูข้อสอบก่อน... ด้วยองค์ประกอบนี้แม้นักเรียนจะไม่ได้โกงข้อสอบ แต่ก็ยังคงเป็นความไม่ซื่อสัตย์ของครูและนักเรียนต่อบริษัท...
ส่วนพระเพื่อนไปเป็นเจ้าอาวาสอยู่วัด... จะเรียกว่าเป็นการโกงก็คงไม่ใช่ เพราะสังคมเกาหลียอมรับ ไม่ได้ผิดกฎหมาย ไม่ได้ผิดพระวินัยในนิกายของเขา และใครๆ ก็สืบทอดกันแบบนี้... แต่การกีฬาก็มีกติกาสากลที่ผู้ร่วมทุกคนต้องเคารพในกติกานั้น การตัดสินอยู่ที่กรรมการที่มาจากหลายชาติ หากกรรมการตัดสินเอียงมาทางโอปป้า กรรมการก็คือตัวโกงที่ร้ายที่สุด... น่าแปลกที่เห็นแต่คำว่า “เกาหลีโกง”...