วิกฤตยูเครนร้อนฉ่า ทหารถอนตัวจากเมืองยุทธศาสตร์
สถานการณ์ยูเครนเดือดระอุไม่หยุด ทหารยูเครนถอนตัวจากเมืองยุทธศาสตร์สำคัญแล้ว
โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์
สถานการณ์ยูเครนเดือดระอุไม่หยุด ทหารยูเครนถอนตัวจากเมืองยุทธศาสตร์สำคัญแล้ว
ประธานาธิบดี ปีโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครน ระบุว่า กองกำลังทหารของรัฐบาลยูเครนได้ถอนกำลังออกจากเมืองเดบัลเซเว ซึ่งเป็นเมืองยุทธศาสตร์ในภาคตะวันออกของกองกำลังยูเครนแล้ว ภายหลังจากที่กองกำลังของยูเครนและกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนรัสเซียได้ต่อสู้กันในพื้นที่ดังกล่าวมาเป็นเวลานานหลายสัปดาห์
วอลสตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนับว่าเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ของกองกำลังยูเครน เนื่องจากเมืองดังกล่าวเป็นเมืองศูนย์กลางของเส้นทางรถไฟและการขนส่ง ที่เชื่อมกับเมืองโดเนตส์กและลูฮันส์กที่ทางกลุ่มแบ่งแยกดินแดนเข้าควบคุมพื้นที่อยู่
“เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (วันที่ 18 ก.พ.) ทางกองกำลังติดอาวุธของยูเครนร่วมกับกองกำลังแห่งชาติ ได้บรรลุการดำเนินการสำหรับการถอนกำลังออกจากเดบัลเซเว โดยจนถึงขณะนี้เราสามารถบอกได้ว่ากองกำลังของเรา 80% ได้ออกมาแล้ว” โปโรเชนโก กล่าวในข้อความเสียง ซึ่งได้รับการเผยแพร่โดยสำนักงานบริการข่าวสารของรัฐบาล
นอกจากนี้แล้ว ทางโปโรเชนโก ยังระบุด้วยว่า ได้มีคำสั่งให้ถอนกำลังเมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา และเจ้าตัวกำลังเดินทางไปสู่แนวรบด้านหน้าเพื่อพบกับกลุ่มทหารที่ถอนกำลังออกมาจากเดบัลเซเว
อย่างไรก็ตาม ทางผู้นำยูเครนได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนรัสเซียที่ระบุว่า กองกำลังทหารของยูเครนได้ถูกล้อม พร้อมกล่าวว่า ทหารยูเครนออกจากเมืองดังกล่าวโดยที่ยังมีอาวุธและอาวุธยุทธภัณฑ์พร้อม
“เดบัลเซเวอยู่ภายใต้การควบคุมของเราและไม่เคยถูกปิดล้อมซึ่งกองกำลังของเราได้ออกจากพื้นที่ตามรูปแบบที่วางแผนเอาไว้”โปโรเชนโก กล่าว
หลังจากคำกล่าวของผู้นำยูเครน ทางสหภาพยุโรป (อียู) ได้ออกโรงประณามการโจมตีของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่เมืองเดบัลเซเว โดยระบุว่าเป็นการฝ่าฝืนข้อตกลงการหยุดยิงที่นานาชาติได้บรรลุร่วมกันอย่างชัดเจน
“การกระทำต่างๆ จากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนรัสเซียในเดบัลเซเวนับเป็นการฝ่าฝืนการหยุดยิงที่ชัดเจน” เฟเดอริกา โมเกรินี หัวหน้าฝ่ายกิจการต่างประเทศของอียู ระบุในแถลงการณ์
ขณะเดียวกัน โมเกรินียังได้เรียกร้องให้รัสเซียและกลุ่มแบ่งแยกดินแดนเร่งบังคับใช้ข้อตกลงที่ตกลงกันได้ในกรุงมินส์กของเบลารุส เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการเคารพการหยุดยิง ปลดอาวุธหนักทั้งหมด
เปิดทางให้เจ้าหน้าที่องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (โอเอสซีอี) เข้าสู่พื้นที่ และเปิดทางให้แก่บุคคลที่ต้องการจะออกจากพื้นที่ออกมาอย่างปลอดภัย
“อียูพร้อมที่จะใช้มาตรการที่เหมาะสมในกรณีที่การต่อสู้และการเดินหน้าไปในทิศทางฝ่าฝืนข้อตกลงของกรุงมินส์กยังดำเนินต่อไป” ทูตระดับสูงคนดังกล่าวของอียูเตือน
ก่อนหน้านี้ ทางกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนรัสเซียได้ระบุว่า ข้อตกลงการหยุดยิงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วไม่ได้ครอบคลุมถึงพื้นที่ในเมืองเดบัลเซเว
เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้ออกโรงแนะนำให้กองกำลังทหารยูเครนยอมแพ้แก่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนและถอนตัวออกจากเมืองยุทธศาสตร์ดังกล่าวเพื่อเป็นการรักษาชีวิตของทหารเอาไว้
“ผมหวังว่าบุคคลที่มีหน้าที่รับผิดชอบสำคัญของยูเครนจะไม่ขัดขวางทหารในกองทัพยูเครนจากการวางอาวุธ” ผู้นำแดนหมีขาวกล่าวระหว่างเดินทางเยือนประเทศฮังการี
นอกจากนี้แล้ว ทางผู้นำแดนหมีขาวยังระบุด้วยว่า ทางสหรัฐได้ส่งอาวุธให้กับทางกองกำลังของยูเครนแล้ว
“จากข้อมูลของพวกเรา สหรัฐได้ส่งอาวุธให้กับยูเครนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” ปูติน กล่าวพร้อมระบุว่า อาวุธที่ทางยูเครนได้รับไปจะเพิ่มจำนวนเหยื่อของผู้เสียชีวิต
ท่ามกลางวิกฤตยูเครนที่ยังดำเนินต่อเนื่อง ล่าสุดทางโฆษกของรัฐบาลฝรั่งเศส ระบุว่า ทางผู้นำของรัสเซีย ยูเครน เยอรมนี ฝรั่งเศส จะมีการพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์เกี่ยวกับวิกฤตในยูเครน ช่วงเย็นของวันที่ 18 ก.พ.